0:00:15.555,0:00:18.688 ผู้คนมักคิดว่าคำว่า "doubt" สะกดประหลาด 0:00:18.688,0:00:20.607 เพราะตัว "b" 0:00:20.607,0:00:22.234 ไม่ออกเสียงเป็นตัวสะกด 0:00:22.234,0:00:25.440 คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า[br]มันมาทำอะไรอยู่ตรงนั้น 0:00:25.440,0:00:27.780 แต่แทนที่จะสนใจเรื่องนั้น[br]สิ่งที่เราได้เรียนในโรงเรียน กลับบอกว่า 0:00:27.780,0:00:30.268 เสียง ไม่ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุด 0:00:30.268,0:00:32.414 ในการสะกดคำภาษาอังกฤษ 0:00:32.414,0:00:35.695 เพราะความหมาย และ ประวัติ ของคำนั้นๆ [br]เป็นเรื่องสำคัญกว่า 0:00:35.695,0:00:37.729 การสงสัย คือ การตั้งคำถาม 0:00:37.729,0:00:38.739 การโอนเอน 0:00:38.739,0:00:40.202 การลังเล 0:00:40.202,0:00:43.780 เมื่อเป็นคำนาม มันหมายถึงความลังเล หรือ ความสับสน 0:00:43.780,0:00:46.146 คำว่า "doubt" ในภาษาอังกฤษทุกวันนี้ 0:00:46.146,0:00:49.786 เกิดมาจากคำภาษาละติน "dubitare" 0:00:49.786,0:00:52.211 มันเริ่มเดินทางจากภาษาละติน ไปฝรั่งเศษ 0:00:52.211,0:00:56.471 ที่ซึ่งมันเสียทั้งเสียง "buh" และ ตัวอักษร "b" 0:00:56.471,0:00:59.421 แล้วมันก็ย้ายเข้ามาในภาษาอังกฤษ [br]ในช่วงศตวรรษที่ 13 0:00:59.421,0:01:01.347 ประมาณ 100 ปีต่อมา 0:01:01.347,0:01:05.459 อาลักษณ์ที่รู้ภาษาละตินด้วย 0:01:05.459,0:01:09.466 ก็เริ่มใส่ตัว "b" กลับเข้าไปในตัวสะกดของคำนี้ 0:01:09.466,0:01:12.501 ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครออกเสียงมันอย่างนั้นก็ตาม 0:01:12.501,0:01:14.186 แต่ พวกเขาทำอย่างนั้นทำไม 0:01:14.186,0:01:16.080 ทำไม พวกเขา (ถ้ายังสติดีอยู่) 0:01:16.080,0:01:19.151 จึงใส่ตัวอักษรที่ไม่ออกเสียง เข้่าไปในตัวสะกด? 0:01:19.151,0:01:21.178 ก็เพราะ พวกเขารู้ภาษาละติน 0:01:21.178,0:01:26.532 และอาลักษณ์เหล่านั้นก็เข้าใจว่า [br]รากศัพท์ของคำว่า "doubt" นั้นมีตัวอักษร "b" อยู่ด้วย 0:01:26.532,0:01:30.189 เมื่อเวลาผ่านไป และคนที่รู้ภาษาละตินมีจำนวนน้อยลง 0:01:30.189,0:01:32.756 ตัวอักษร "b" ยังถูกเก็บไว้ เพราะมันแสดงถึง 0:01:32.756,0:01:35.339 ความเชื่อมโยงระหว่างคำนี้ กับคำอื่นๆ 0:01:35.339,0:01:38.158 เช่น "dubious" (สงสัย ในรูปวิเศษณ์) [br]และ "indubitalbly" (อย่างไม่ต้องสงสัย) 0:01:38.158,0:01:40.372 ซึ่งก็ถูกยืมเข้ามาในภาษาอังกฤษ 0:01:40.372,0:01:43.802 จากรากศัพท์ละติน คำว่า "dubitare" เช่นกัน 0:01:43.802,0:01:46.098 การเข้าใจที่มาไป ที่เชื่อมโยงกันเหล่านี้ 0:01:46.098,0:01:48.399 ไม่เพียงช่วยให้เราสะกดคำว่า "doubt" ได้ 0:01:48.399,0:01:50.403 แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจความหมาย 0:01:50.403,0:01:53.068 ของคำที่ซับซ้อนเหล่านี้ 0:01:53.068,0:01:55.197 แต่เรื่องก็ยังไม่จบแค่นั้น 0:01:55.197,0:01:56.431 ถ้าเราดูลงไปในรายละเอียด 0:01:56.431,0:01:59.462 เราจะสามารถมองเลยไป [br]นอกเหนือจากความสงสัยที่เรามี 0:01:59.462,0:02:02.782 ทำให้เรารู้ว่า แค่ตัว "b" ตัวนี้ บอกอะไรเราได้อีก 0:02:02.782,0:02:05.508 มีรากศัพท์เพียงสองคำเท่านั้นในภาษาอังกฤษ 0:02:05.508,0:02:08.795 ที่สะกดด้วยตัวอักษร "d-o-u-b" 0:02:08.795,0:02:10.574 คำแรกคือคำว่า doubt 0:02:10.574,0:02:12.528 ส่วนอีกคำคือคำว่า double 0:02:12.528,0:02:14.372 เราสร้างคำอื่นๆได้อีกมากมาย 0:02:14.372,0:02:16.020 จากรากศัพท์สองคำนี้ 0:02:16.020,0:02:16.990 เช่น doubtful (เคลือบแคลง) 0:02:16.990,0:02:18.344 และ doubtless (สิ้นสงสัย) 0:02:18.344,0:02:19.513 หรือ doublet (สิ่งที่เป็นคู่) 0:02:19.513,0:02:20.564 และ redouble (เพิ่มเป็นทวีคูณ) 0:02:20.564,0:02:22.066 และ doubloon (เหรียญทอง) 0:02:22.066,0:02:24.508 กลายเป็นว่า เมื่อเรามองดูประวัติของมัน 0:02:24.508,0:02:26.807 เราจะเห็นว่ารากศัพท์ทั้งสองคำนั้น 0:02:26.807,0:02:29.287 มาจากรากศัพท์ละตินคำเดียวกัน 0:02:29.287,0:02:31.260 ที่มีความหมายว่า ซ้ำเป็นสอง 0:02:31.260,0:02:32.133 เลขสอง 0:02:32.133,0:02:35.778 สะท้อนความหมายอยู่ใน ความสงสัย 0:02:35.778,0:02:37.319 เพราะ เมื่อเราสงสัย 0:02:37.319,0:02:38.831 เมื่อเราลังเลใจ 0:02:38.831,0:02:41.497 เรามีความคิดครั้งที่สอง กับตัวเอง 0:02:41.497,0:02:43.675 เมื่อเราสงสัยเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง 0:02:43.675,0:02:46.129 เมื่อเรามีคำถาม หรือ เกิดสับสน 0:02:46.129,0:02:48.876 เรากำลัง สองจิตสองใจ 0:02:48.876,0:02:51.544 ในเชิงประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะมีภาษาอังกฤษ 0:02:51.544,0:02:53.234 ที่ยืมคำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศษ 0:02:53.234,0:02:55.506 ภาษาเดิมนั้นมีคำที่มีความหมายว่า สงสัย อยู่แล้ว 0:02:55.506,0:02:59.152 คำภาษาอังกฤษโบรารณว่า "tweogan" แปลว่า สงสัย 0:02:59.152,0:03:01.585 ก็แสดงความเชื่อมโยงกับคำว่า "two" 0:03:01.585,0:03:05.288 ไว้อย่างชัดเจนในตัวสะกดของมันเช่นกัน 0:03:05.288,0:03:06.758 ดังนั้น ครั้งต่อไปเวลาที่คุณลังเลสงสัย 0:03:06.758,0:03:09.457 ว่าทำไมคำภาษาอังกฤษบางคำ ถึงสะกดอย่างนั้น 0:03:09.457,0:03:11.412 ลองดูมันซ้ำอีกครั้ง 0:03:11.412,0:03:16.170 สิ่งที่คุณพบ อาจทำให้คุณต้องมองซ้ำอีกครั้งก็เป็นได้