1 00:00:01,267 --> 00:00:03,933 ผมชื่อ แดน โคเฮน ผมเป็นนักวิชาการ 2 00:00:04,500 --> 00:00:07,416 และนั่นหมายความว่า ผมโตแย้ง 3 00:00:07,540 --> 00:00:09,243 การโต้แย้งเป็นส่วนสำคัญของชีวิตผม 4 00:00:09,267 --> 00:00:10,433 และผมก็ชอบการโต้แย้ง 5 00:00:10,713 --> 00:00:14,109 ผมไม่ได้เป็นแค่นักวิชาการอย่างเดียว ผมเป็นนักปรัชญาด้วย 6 00:00:14,133 --> 00:00:17,076 ดังนั้น ผมชอบที่จะคิดว่า จริง ๆ แล้วผมโต้แย้งได้ดีทีเดียว 7 00:00:17,100 --> 00:00:19,900 แต่ผมชอบคิดเรื่องการโต้แย้งด้วยเหมือนกัน 8 00:00:20,367 --> 00:00:23,777 และระหว่างที่คิดเรื่องการโต้แย้ง ผมได้พบกับปริศนาบางอย่าง 9 00:00:23,777 --> 00:00:25,760 หนึ่งในปริศนานั้น คือ 10 00:00:25,760 --> 00:00:27,707 ระหว่างที่ผมคิดเรื่องการโต้แย้งมาเป็นปี ๆ 11 00:00:27,707 --> 00:00:29,560 และตอนนี้ก็สิบกว่าปีแล้ว 12 00:00:29,560 --> 00:00:31,476 ผมโต้แย้งได้ดีขึ้น 13 00:00:31,500 --> 00:00:34,929 แต่ยิ่งผมโต้แย้งมากขึ้นและ ยิ่งผมโต้แย้งเก่งขึ้น 14 00:00:34,973 --> 00:00:36,333 ผมยิ่งแพ้มากขึ้น 15 00:00:36,937 --> 00:00:38,209 นั่นแหละที่เป็นปริศนา 16 00:00:38,213 --> 00:00:41,500 และอีกปริศนาก็คือ จริง ๆ แล้วผมก็ค่อนข้างชอบ 17 00:00:41,500 --> 00:00:43,343 ทำไมผมถึงยอมรับกับความพ่ายแพ้ 18 00:00:43,367 --> 00:00:46,809 และทำไมผมคิดว่า ผู้โต้แย้งที่ดี จริง ๆ แล้วก็แพ้ได้เก่งกว่าด้วย 19 00:00:46,833 --> 00:00:48,843 ยังมีปริศนาอื่น ๆ อีก 20 00:00:48,867 --> 00:00:50,743 หนึ่งคือ ทำไมเราถึงโต้แย้ง 21 00:00:50,767 --> 00:00:52,409 ใครได้ประโยชน์จากการโต้แย้ง 22 00:00:52,433 --> 00:00:54,776 เมื่อผมคิดถึงการโต้แย้ง ผมหมายถึง 23 00:00:54,800 --> 00:00:57,643 การโต้แย้งเชิงวิชาการ หรือการโต้แย้งทางความคิด 24 00:00:57,667 --> 00:00:59,509 ที่ซึ่งเดิมพันกันด้วย องค์ความรู้ 25 00:00:59,533 --> 00:01:02,276 ข้อเสนอนี้เป็นจริงหรือไม่ ทฤษฎีนี้ดีหรือเปล่า 26 00:01:02,300 --> 00:01:06,776 สามารถตีความต่อจากข้อมูล หรือเนื้อหาได้หรือไม่ เป็นต้น 27 00:01:06,800 --> 00:01:10,776 ผมไม่สนใจการโต้แย้งที่ว่า รอบนี้ใครจะเป็นคนล้างจาน 28 00:01:10,800 --> 00:01:12,476 หรือใครจะเป็นคนไปทิ้งขยะ 29 00:01:12,500 --> 00:01:14,809 ก็ใช่ เรามีการโต้แย้งแบบนั้น 30 00:01:14,833 --> 00:01:16,956 ผมมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่า เพราะผมรู้เทคนิค 31 00:01:17,050 --> 00:01:18,366 แต่การโต้แย้งในเรื่องแบบนี้ไม่สำคัญ 32 00:01:18,490 --> 00:01:20,736 ผมสนใจการโต้แย้งในเชิงวิชาการ 33 00:01:20,860 --> 00:01:22,327 และนี่คือปริศนาของผม 34 00:01:22,447 --> 00:01:27,653 อย่างแรก ผู้โต้แย้งที่ดีชนะอะไร เมื่อเขาชนะการโต้แย้ง 35 00:01:27,717 --> 00:01:30,243 ผมชนะอะไร ถ้าผมโน้มน้าวคุณว่า 36 00:01:30,267 --> 00:01:32,416 อรรถประโยชน์นิยมไม่ใช่กรอบความคิดที่ถูก 37 00:01:32,420 --> 00:01:33,910 ในการวิเคราะห์ทฤษฎีทางจริยศาสตร์ 38 00:01:33,970 --> 00:01:36,270 เราชนะอะไรตอนที่เราโต้แย้งชนะ 39 00:01:36,270 --> 00:01:37,743 แม้กระทั่งก่อนหน้านั้น 40 00:01:37,767 --> 00:01:39,009 มันสำคัญอะไรกับผม 41 00:01:39,033 --> 00:01:41,976 คุณจะคิดว่าทฤษฎีของคานต์ใช้ได้ 42 00:01:42,000 --> 00:01:45,176 หรือจริยศาสตร์ของมิลล์ถูกต้องควรปฎิบัติตาม 43 00:01:45,200 --> 00:01:46,576 มันไม่ใช่เรื่องของผม 44 00:01:46,600 --> 00:01:49,767 ไม่ว่าคุณจะเห็นว่าแนวคิดกลุ่มหน้าที่ของจิต เป็นทฤษฎีจิตที่ใช้การได้ 45 00:01:50,300 --> 00:01:52,343 ฉะนั้น เราจะพยายามโต้แย้งไปเพื่ออะไร 46 00:01:52,367 --> 00:01:54,209 ทำไมเราพยายามโน้มน้าวคนอื่น 47 00:01:54,233 --> 00:01:56,409 ให้เชื่อในสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเชื่อ 48 00:01:56,433 --> 00:01:58,209 และกระทั่งว่า ทำแบบนี้ดีหรือเปล่า 49 00:01:58,233 --> 00:02:00,476 มันเป็นวิธีปฎิบัติต่อมนุษย์ที่ดีหรือไม่ 50 00:02:00,500 --> 00:02:03,476 พยายามทำให้คนอื่นคิดในสิ่งที่ เขาไม่ต้องการจะคิด 51 00:02:03,500 --> 00:02:08,175 คำตอบของผม จะอ้างอิง ถึงการโต้แย้ง 3 รูปแบบ 52 00:02:08,199 --> 00:02:10,533 แบบแรก เรามาเรียกมันว่า วิภาษวิธี 53 00:02:10,547 --> 00:02:13,010 คือ เราคิคถึงการโต้แย้ง แบบทำสงคราม คุณรู้ว่ามันเป็นอย่างไร 54 00:02:13,010 --> 00:02:16,563 กรีดร้อง ตะโกนใส่กันเยอะ ๆ และมีแพ้มีชนะ 55 00:02:16,563 --> 00:02:18,580 มันเป็นรูปแบบที่ไม่มีประโยชน์สักเท่าไรนัก 56 00:02:18,580 --> 00:02:21,543 แต่มันเป็นวิธีที่ค่อนข้างธรรมดา และยึดมันถือกันในการโต้แย้ง 57 00:02:21,567 --> 00:02:24,809 แต่มีการโต้แย้งแบบที่ 2 การโต้แย้งแบบข้อพิสูจน์ 58 00:02:24,833 --> 00:02:26,909 ลองนึกถึง การโต้แย้งของนักคณิตศาสตร์ 59 00:02:26,933 --> 00:02:29,709 นี่คือข้อโต้แย้งของผม ใช้ได้หรือไม่ ดีหรือเปล่า 60 00:02:29,733 --> 00:02:34,209 ข้อเสนอถูกรับรองหรือเปล่า การอนุมานสมเหตุสมผลหรือเปล่า 61 00:02:34,233 --> 00:02:36,776 ข้อสรุปเป็นไปตามข้อตั้งหลักหรือเปล่า 62 00:02:36,800 --> 00:02:39,209 ไม่มีฝ่ายตรงข้าม ไม่มีความขัดแย้ง 63 00:02:39,233 --> 00:02:44,909 ไม่จำเป็นต้องโต้แย้งด้วย ความรู้สึกเป็นศัตรู 64 00:02:44,933 --> 00:02:46,773 แต่ก็มีรูปแบบที่ 3 ซึ่งโปรดจำไว้ 65 00:02:46,773 --> 00:02:48,409 เพราะผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์อย่างมาก 66 00:02:48,413 --> 00:02:53,943 และมันคือ การโต้แย้งเแบบแสดงต่อหน้าผู้ฟัง 67 00:02:53,967 --> 00:02:56,909 ลองนึกถึงนักการเมืองที่พยายามเสนอจุดยืน 68 00:02:56,933 --> 00:02:59,076 พยายามโน้มน้าวบางอย่างให้ผู้ชม 69 00:02:59,100 --> 00:03:02,576 แต่ก็มีจุดหักมุมอีกอย่างในรูปแบบนี้ ที่ผมคิดว่ามันสำคัญมาก 70 00:03:02,600 --> 00:03:06,609 เมื่อเราโต้แย้งต่อหน้าผู้ฟัง 71 00:03:06,633 --> 00:03:10,709 บางครั้ง ผู้ฟังก็มีบทบาทในการมีส่วนร่วม มากขึ้นในการโต้แย้ง 72 00:03:10,733 --> 00:03:15,243 มันคือ การโต้แย้งที่แสดง ต่อหน้าคณะลูกขุน 73 00:03:15,267 --> 00:03:18,043 ผู้ซึ่งให้คำวินิจฉัยและตัดสินในกรณีนั้น ๆ 74 00:03:18,067 --> 00:03:19,876 เรามาเรียกมันว่า รูปแบบวาทศิลป์ 75 00:03:19,900 --> 00:03:23,609 คุณต้องเสนอข้อโต้แย้งอย่างพิถีพิถัน ให้ผู้ฟังเข้าใจ 76 00:03:23,633 --> 00:03:26,270 นำเสนอชัดเจน อ้างเหตุผลอย่างดี 77 00:03:26,270 --> 00:03:29,660 การเสนอข้อโต้แย้งที่ดีในภาษาอังฤษ ต่อผู้ฟังที่ช้ภาษาฝรั่งเศส 78 00:03:29,660 --> 00:03:31,300 มันคงไม่ได้ผล 79 00:03:31,800 --> 00:03:35,443 เรามีการโต้แย้ง 3 รูปแบบ แบบสงคราม แบบข้อพิสูจน์ 80 00:03:35,467 --> 00:03:37,847 และแบบการแสดง 81 00:03:38,167 --> 00:03:41,933 จาก 3 รูปแบบ การโต้แย้งแบบสงคราม เป็นรูปแบบที่มีอิทธิพลที่สุด 82 00:03:42,437 --> 00:03:45,070 มันครอบงำวิธีที่เราพูดถึงการโต้แย้ง 83 00:03:45,070 --> 00:03:47,143 มันครอบงำวิธีที่เราคิดถึงการโต้แย้ง 84 00:03:47,167 --> 00:03:50,143 เพราะฉะนั้น มันขัดเกลา วิธีที่เราใช้ในการโต้แย้ง 85 00:03:50,167 --> 00:03:51,943 สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อเราโต้แย้ง 86 00:03:51,967 --> 00:03:53,643 ปัจจุบันเมื่อเราพูดถึงการโต้แย้ง 87 00:03:53,667 --> 00:03:55,643 เราพูดในแบบภาษาทหาร 88 00:03:55,667 --> 00:03:58,909 เราต้องการการโต้แย้งที่แข็งแกร่ง การโต้แย้งที่มีพลังโจมตีรุนแรง 89 00:03:58,933 --> 00:04:00,609 การโต้แย้งที่ตรงเข้าเป้าหมาย 90 00:04:00,633 --> 00:04:03,809 เราต้องการการป้องกันและ ยุทธ์ศาสตร์ที่พร้อมใช้ 91 00:04:03,833 --> 00:04:06,409 เราต้องการ ทำลายข้อโต้แย้ง 92 00:04:06,433 --> 00:04:08,430 นั่นคือการโต้แย้งแบบที่เราต้องการ 93 00:04:09,170 --> 00:04:11,419 มันเป็นวิธีที่ครอบงำการคิด เกี่ยวกับการโต้แย้ง 94 00:04:11,419 --> 00:04:12,853 เมื่อผมพูดถึงการโต้แย้ง 95 00:04:12,853 --> 00:04:16,100 บางทีคุณอาจจะนึกถึง แบบที่มีศัตรูฝ่ายตรงข้าม 96 00:04:16,445 --> 00:04:18,946 แต่การเปรียบเทียบกับสงคราม 97 00:04:18,946 --> 00:04:21,663 กระบวนทัศน์หรือรูปแบบสงคราม ที่ใช้ในการคิดถึงการโต้แย้ง 98 00:04:21,663 --> 00:04:24,700 ผมคิดว่ามันส่งผลบิดเบือน วิธีการโต้แย้งของเรา 99 00:04:25,100 --> 00:04:28,067 อย่างแรก มันทำให้วิธีการอยู่เหนือสาระสำคัญ 100 00:04:28,917 --> 00:04:31,093 คุณเรียนกวิชาตรรกศาสตร์ ว่าด้วยวิธีการให้เหตุผล 101 00:04:31,093 --> 00:04:32,823 คุณเรียนเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมด 102 00:04:32,827 --> 00:04:35,657 ที่คนเราเคยใข้ และชนะการโต้แย้ง แต่มันเป็นวิธีที่ผิดพลาด 103 00:04:35,657 --> 00:04:38,967 มันขยายมุมมองแบบ เรา-เขา 104 00:04:38,967 --> 00:04:42,370 มันทำให้เกิดความขัดแย้ง สร้างการแบ่งขั้ว 105 00:04:42,370 --> 00:04:48,229 และผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ก็มีแค่ ชัยชนะ ชัยชนะอันสวยหรู 106 00:04:48,233 --> 00:04:51,309 หรือความน่าสังเวช น่าอับอายจากการพ่ายแพ้ 107 00:04:51,333 --> 00:04:53,056 ผมคิดว่า นี่คือผลลัพท์ที่บิดเบือน 108 00:04:53,056 --> 00:04:56,937 และที่เลวร้ายที่สุด ดูเหมือนมันขัดขวางไม่ให้เกิดการต่อรอง 109 00:04:56,937 --> 00:05:01,667 หรือการปรึกษา หรือการประนีประนอม หรือการร่วมมือ 110 00:05:02,113 --> 00:05:05,064 ลองคิดถึงสิ่งนี้ คุณเเคยเข้าร่วมการโต้แย้งโดยคิดว่า 111 00:05:05,064 --> 00:05:08,819 "ไหนเราลอง หาข้อสรุปร่วมกัน แทนที่จะสู้กัน 112 00:05:08,819 --> 00:05:10,763 เราทำอะไร เพื่อแก้ปัญหาร่วมกันได้บ้าง?" 113 00:05:10,763 --> 00:05:13,179 และผมคิดว่า การโต้แย้งแบบทำสงคราม 114 00:05:13,179 --> 00:05:17,606 ขัดขวางไม่ให้มีข้อยุติ การโต้แย้งด้วยรูปแบบอื่น ๆ 115 00:05:17,606 --> 00:05:20,063 และสุดท้าย นี่คือสิ่งที่แย่ที่สุดจริง ๆ 116 00:05:20,063 --> 00:05:22,790 มันไม่ได้นำพาเราไปสู่จุดไหนเลย มันเป็นทางตัน 117 00:05:22,790 --> 00:05:28,576 มันเป็นเหมือนวงเวียน การจราจรที่เบียดเสียด หรือติดอยู่กับที่ในการสนธนา 118 00:05:28,580 --> 00:05:29,867 เราไม่ได้ไปไหนเลย 119 00:05:30,433 --> 00:05:31,673 และอีกสิ่งหนึ่ง 120 00:05:31,673 --> 00:05:34,697 ในฐานะที่เป็นผู้ให้การศึกษา มันเป็นสิ่งที่กวนใจผมมาก 121 00:05:34,697 --> 00:05:36,827 ถ้าการโต้แย้งคือสงคราม 122 00:05:36,827 --> 00:05:41,906 มันก็มีสิ่งที่เรียกว่า การเรียนรู้จากความพ่ายแพ้แฝงอยู่ 123 00:05:41,906 --> 00:05:43,507 ผมจะอธิบายความหมายให้ฟัง 124 00:05:44,067 --> 00:05:46,639 สมมุติว่าคุณกับผมโต้แย้งกัน 125 00:05:46,639 --> 00:05:49,633 คุณเชื่อในข้อเสนอ P แต่ผมไม่ 126 00:05:50,500 --> 00:05:52,408 ผมถามคุณว่า "ทำไมถึงเชื่อข้อเสนอ P" 127 00:05:52,408 --> 00:05:53,873 คุณให้เหตุผลของคุณ 128 00:05:53,873 --> 00:05:56,243 ผมไม่เห็นด้วย และตอบกลับ "แล้ว....หล่ะ" 129 00:05:56,247 --> 00:05:57,786 แล้วคุณก็ตอบคำถามผม 130 00:05:57,790 --> 00:06:00,229 แล้วผมก็ถาม "คุณหมายความว่าอย่างไร 131 00:06:00,229 --> 00:06:01,677 มันเอามาใช้อย่างไร ในกรณีนี้" 132 00:06:02,133 --> 00:06:03,756 และคุณก็ตอบคำถามผม 133 00:06:03,756 --> 00:06:05,483 ตอนนี้ สมมุติว่าการโต้แย้งสิ้นสุดลง 134 00:06:05,483 --> 00:06:07,643 ผมได้ค้าน ผมได้ถาม 135 00:06:07,647 --> 00:06:10,267 ผมได้ยกข้อพิจารณาแย้งทั้งหมดไปแล้ว 136 00:06:10,267 --> 00:06:13,870 และทุกครั้ง คุณได้ตอบสนองจนผมพึงพอใจ 137 00:06:13,870 --> 00:06:16,543 และดังนั้น ในท้ายที่สุด ผมพูดว่า 138 00:06:16,547 --> 00:06:19,900 " รู้อะไรไหม ผมว่าคุณถูกแล้ว" 139 00:06:20,500 --> 00:06:22,843 ดังนั้น ผมได้ความเชื่อใหม่มา 140 00:06:22,867 --> 00:06:24,280 มันไม่ใช่ความเชื่อแบบทั่ว ๆ ไป 141 00:06:24,304 --> 00:06:30,600 มันถูกอธิบายอย่างชัดเจน ถูกตรวจสอบ มันเป็นความเชื่อที่ผ่านการประลองมาแล้ว 142 00:06:31,800 --> 00:06:32,960 เกิดการเรียนรู้ที่ดี 143 00:06:32,964 --> 00:06:34,339 โอเค ใครชนะการโต้แย้งนี้ 144 00:06:35,600 --> 00:06:39,543 การโต้แย้งแบบสงคราม บังคับให้เราบอกว่าคุณเป็นฝ่ายชนะ 145 00:06:39,543 --> 00:06:42,306 ถึงแม้ว่า ผมเป็นฝ่ายเดียว ที่ได้รู้คิด 146 00:06:42,306 --> 00:06:45,973 คุณได้รับอะไร ในเชิงการรู้คิด จากการโน้มน้าวผม 147 00:06:45,973 --> 00:06:48,973 แน่นอน คุณได้ความพึงพอใจ อัตตาคุณอาจจะพองโต 148 00:06:48,973 --> 00:06:50,953 บางทีคุณอาจจะถูกยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ 149 00:06:50,953 --> 00:06:53,543 ในสายงานนี้ "คนนี้เป็นนักโต้แย้งที่ดี" 150 00:06:53,567 --> 00:06:56,543 แต่จากมุมมองการรู้คิด 151 00:06:56,567 --> 00:06:57,853 ใครเป็นผู้ชนะ? 152 00:06:57,853 --> 00:07:02,696 การเปรียบเทียบกับสงคราม บังคับให้เราคิดว่า คุณคือผู้ชนะ และผมแพ้ 153 00:07:02,700 --> 00:07:04,763 ถึงแม้ว่า ผมจะเป็นฝ่ายได้ 154 00:07:04,767 --> 00:07:07,063 มีบางอย่างไม่ถูกต้องในภาพนี้ 155 00:07:07,067 --> 00:07:09,776 และนั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยน ถ้าเราทำได้ 156 00:07:09,776 --> 00:07:13,649 ฉะนั้น เราจะหาวิธีทำให้ 157 00:07:13,649 --> 00:07:16,733 การโต้แย้งได้ผลลัพท์ในเชิงบวกได้อย่างไร 158 00:07:17,633 --> 00:07:20,633 สิ่งที่เราต้องการคือ ยุทธวิธีทางออกแบบใหม่สำหรับการโต้แย้ง 159 00:07:21,391 --> 00:07:24,287 แต่ เราจะไม่ได้ยุทธวิธีทางออกแบบใหม่ สำหรับการโต้แย้ง 160 00:07:24,287 --> 00:07:27,586 จนกว่าเราจะมี วิธีการเข้าสู่การโต้แย้งแบบใหม่ 161 00:07:27,586 --> 00:07:30,600 เราจำเป็นต้องคิดถึง การโต้แย้งรูปแบบใหม่ ๆ 162 00:07:31,267 --> 00:07:33,873 เพื่อที่จะทำอย่างนั้น คือ 163 00:07:33,873 --> 00:07:35,533 ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร 164 00:07:36,100 --> 00:07:37,473 นั่นเป็นข่าวร้าย 165 00:07:37,473 --> 00:07:40,486 การโต้แย้งแบบสงคราม มันคือปีศาจ 166 00:07:40,486 --> 00:07:42,955 มันเข้ามายึดครองจิตใจของเรา 167 00:07:42,955 --> 00:07:45,106 และไม่มีกระสุนวิเศษ ที่จะฆ่ามันได้ 168 00:07:45,106 --> 00:07:47,779 ไม่มีไม้วิเศษ ที่จะทำให้มันหายไป 169 00:07:47,779 --> 00:07:49,319 ผมไม่มีคำตอบ 170 00:07:49,333 --> 00:07:50,716 แต่ผมมีคำแนะนำ 171 00:07:50,716 --> 00:07:52,633 นี่คือคำแนะนำของผม 172 00:07:53,700 --> 00:07:55,904 ถ้าเราอยากจะคิดถึงการโต้แย้งแบบใหม่ 173 00:07:55,908 --> 00:07:59,567 สิ่งที่เราต้องทำก็คือ คิดถึงผู้โต้แย้งแบบใหม่ 174 00:07:59,900 --> 00:08:01,833 ดังนั้น ลองนี่ดู 175 00:08:02,767 --> 00:08:07,209 คิดถึงบทบาททั้งหมด ที่คนเราใช้ในการโต้แย้ง 176 00:08:07,233 --> 00:08:10,249 มีผู้เสนอและฝ่ายตรงข้าม 177 00:08:10,249 --> 00:08:12,409 ที่เป็นศัตรู ในการโต้แย้งแบบวิภาษวิธี 178 00:08:12,409 --> 00:08:14,596 มีผู้ชม ในการโต้แย้งแบบวาทศิลป์ 179 00:08:14,600 --> 00:08:16,808 มีผู้มีเหตุผล ในการโต้แย้งแบบเพื่อพิสูจน์ 180 00:08:18,697 --> 00:08:20,076 บทบาทที่แตกต่างกันทั้งหมด 181 00:08:20,100 --> 00:08:23,943 ทีนี้ คุณลองจินตนาการถึงการโต้แย้ง ที่คุณเป็นผู้โต้แย้ง 182 00:08:23,967 --> 00:08:27,333 แต่คุณก็เป็นผู้ชมด้วย มองดูตัวเองโต้แย้ง 183 00:08:27,967 --> 00:08:31,009 คุณจินตนาการถึงตัวคุณ ที่กำลังมองดูตัวเองโต้แย้ง 184 00:08:31,033 --> 00:08:35,509 คุณแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นในตอนท้าย คุณยังคงพูดว่า 185 00:08:35,533 --> 00:08:38,033 "ว๊าว! นั่นเป็นการโต้แย้งที่ดีมากเลย" 186 00:08:39,133 --> 00:08:40,470 คุณทำได้ไหม 187 00:08:40,470 --> 00:08:43,792 ผมคิดว่า คุณทำได้ และผมคิดว่า ถ้าคุณสามารถจิตนาการถึงการโต้แย้งแบบที่ 188 00:08:43,792 --> 00:08:47,593 ผู้แพ้บอกกับผู้ชนะ และผู้ชมและผู้ตัดสิน สามารถพูดได้ว่า 189 00:08:47,593 --> 00:08:49,576 "ใช่ นั่นเป็นการโต้แย้งที่ดีจริงๆ" 190 00:08:49,600 --> 00:08:51,378 เช่นนั้น คุณก็จะมีภาพของการโต้แย้งที่ดี 191 00:08:51,378 --> 00:08:52,107 และมากกว่านั้น 192 00:08:52,107 --> 00:08:54,577 ผมคิดว่า คุณมีภาพของนักโต้แย้งที่ดี 193 00:08:54,577 --> 00:08:59,133 นักโต้แย้งแบบที่มีคุณค่าพอ ที่คุณควรจะลองเป็น 194 00:08:59,567 --> 00:09:02,363 ตอนนี้ ผมโต้แย้งแพ้ซะเยอะ 195 00:09:02,363 --> 00:09:04,786 มันต้องฝึก เพื่อที่จะเป็นนักโต้แย้งที่ดี 196 00:09:04,790 --> 00:09:08,096 เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการแพ้ แต่โชคดีที่ 197 00:09:08,096 --> 00:09:10,607 ผมมีเพื่อนร่วมงานหลายๆ คน ที่เต็มใจจะก้าวเข้ามา 198 00:09:10,607 --> 00:09:12,676 และให้ความช่วยเหลือการฝึกฝนแก่ผม 199 00:09:12,700 --> 00:09:13,875 ขอบคุณครับ 200 00:09:13,899 --> 00:09:17,967 (เสียงปรบมือ)