1 00:00:00,000 --> 00:00:00,330 - 2 00:00:00,330 --> 00:00:03,110 หนึ่งในแนวคิดที่พื้นฐานที่สุดอย่างนึงในฟิสิกส์ 3 00:00:03,110 --> 00:00:05,385 คือ แนวคิดเรื่องงาน 4 00:00:05,385 --> 00:00:08,450 ทีนี้, ตอนคุณเรียนเรื่องงานครั้งแรก, คุณอาจบอกว่า, โอ้ 5 00:00:08,450 --> 00:00:10,120 นั่นก็แค่แรงคูณระยะทาง 6 00:00:10,120 --> 00:00:12,200 แต่แล้วต่อมา, ตอนคุณเรียนอีกหน่อยเรื่อง 7 00:00:12,200 --> 00:00:14,770 เวกเตอร์, คุณก็รู้ว่าแรงไม่จำเป็นต้อง 8 00:00:14,770 --> 00:00:17,610 มีทิศทางเดียวกับการกระจัด 9 00:00:17,610 --> 00:00:21,450 คุณก็เลยรู้ว่า งาน มีแค่ขนาด, ขอผมเขียนลงไป 10 00:00:21,450 --> 00:00:33,070 ตรงนี้นะ, ขนาดของแรง, ในทิศ, 11 00:00:33,070 --> 00:00:39,460 หรือองค์ประกอบของแรงในทิศ 12 00:00:39,460 --> 00:00:41,740 ของการกระจัด 13 00:00:41,740 --> 00:00:44,206 การกระจัดก็คือระยะทางที่มีทิศด้วย 14 00:00:44,206 --> 00:00:49,970 - 15 00:00:49,970 --> 00:00:55,290 คูณขนาดของการกระจัด, หรือคุณบอกว่า 16 00:00:55,290 --> 00:00:56,695 คูณระยะที่มันเลื่อนไป 17 00:00:56,695 --> 00:01:00,810 - 18 00:01:00,810 --> 00:01:02,330 และตัวอย่างคลาสสิค 19 00:01:02,330 --> 00:01:06,250 บางทีคุณอาจมีก้อนน้ำแข็ง, หรือก้อนหินสักอย่าง 20 00:01:06,250 --> 00:01:08,740 เป็นน้ำแข็งจะได้ไม่มีแรงเสียดทานมากนัก 21 00:01:08,740 --> 00:01:12,510 บางทีมันอาจอยู่บนทะเลสาบที่ใหญ่กว่า หรือน้ำแข็งอะไรสักอย่าง 22 00:01:12,510 --> 00:01:15,030 บางทีคุณอาจดึงก้อนน้ำแข็งนั่นเป็นมุมค่านึง 23 00:01:15,030 --> 00:01:17,610 สมมุติว่า คุณกำลังดึงมันเป็นมุมแบบนั้น 24 00:01:17,610 --> 00:01:20,820 นั่นคือแรงของผม, ตรงนี้ 25 00:01:20,820 --> 00:01:24,080 สมมุติว่าแรงผมเท่ากับ -- ทีนี้, นั่นคือ 26 00:01:24,080 --> 00:01:25,160 เวกเตอร์แรงผม 27 00:01:25,160 --> 00:01:33,870 สมมุติว่าขนาดของเวกเตอร์แรง, สมมุติว่า 28 00:01:33,870 --> 00:01:35,310 มันคือ 10 นิวตัน 29 00:01:35,310 --> 00:01:37,650 สมมุติว่าทิศของเวกเตอร์แรง, ตรงนี้, 30 00:01:37,650 --> 00:01:41,080 เวกเตอร์ใด ๆ ต้องมีทั้งขนาดและทิศ, และทิศ 31 00:01:41,080 --> 00:01:44,920 สมมุติมันทำมุม 30 องศา, สมมุติว่า 32 00:01:44,920 --> 00:01:47,770 มุม, 60 องศา, เหนือแกนนอน 33 00:01:47,770 --> 00:01:49,560 ดังนั้นนั่นคือทิศที่ผมกำลังดึง 34 00:01:49,560 --> 00:01:52,600 สมมุติว่าผมเลื่อนมันไป 35 00:01:52,600 --> 00:01:55,930 หวังว่านี่เป็นการทบทวนนะ 36 00:01:55,930 --> 00:01:59,225 หากคุณเลื่อนมัน, สมมุติว่าคุณเลื่อนมันไป 5 นิวตัน 37 00:01:59,225 --> 00:02:02,570 สมมุติว่าการกระจัด, นั่นคือเวกเตอร์การกระจัด 38 00:02:02,570 --> 00:02:10,290 ตรงนี้, และขนาดของมันเท่ากับ 5 เมตร 39 00:02:10,290 --> 00:02:13,460 คุณก็รู้จากนิยามของแรงแล้ว, คุณไม่อาจ 40 00:02:13,460 --> 00:02:16,940 บอกว่า, โอ้, ผมกำลังดึงด้วยแรง 10 นิวตัน และ 41 00:02:16,940 --> 00:02:18,360 ผมกำลังเคลื่อนไป 5 เมตร 42 00:02:18,360 --> 00:02:22,560 คุณไม่สามารถคูณ 10 นิวตันด้วยระยะ 5 เมตรได้ 43 00:02:22,560 --> 00:02:25,660 คุณต้องหาขนาดขององค์ประกอบ 44 00:02:25,660 --> 00:02:29,050 ที่อยู่ในทิศเดียวกับการกระจัด 45 00:02:29,050 --> 00:02:31,860 ดังนั้นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำคือ, ความยาว, หากคุณ 46 00:02:31,860 --> 00:02:34,930 นึกถึงความยาวของเวกเตอร์นี้เป็น 10, นั่นก็คือ 47 00:02:34,930 --> 00:02:37,750 แรงลัพธ์, แต่คุณต้องหาความยาว 48 00:02:37,750 --> 00:02:40,770 ของเวกเตอร์, นั่นคือองค์ประกอบของแรง, จะได้มีทิศ 49 00:02:40,770 --> 00:02:43,460 เดียวกับการกระจัดผม 50 00:02:43,460 --> 00:02:45,570 และด้วยตรีโกณมิติง่าย ๆ, คุณก็รู้ว่า 51 00:02:45,570 --> 00:02:53,120 นี่คือ 10 คูณโคไซน์ของ 60 องศา, หรือนั่นเท่ากับ 52 00:02:53,120 --> 00:02:58,010 โคไซน์ของ 60 องศา คือ 1/2, นั่นจะเท่ากับ 5 53 00:02:58,010 --> 00:03:00,380 ดังนั้นขนาดนี่, ขนาดของแรง 54 00:03:00,380 --> 00:03:02,410 ไปในทิศเดียวกับการกระจัดในกรณีนี้ 55 00:03:02,410 --> 00:03:04,810 คือ 5 นิวตัน 56 00:03:04,810 --> 00:03:07,500 - 57 00:03:07,500 --> 00:03:09,850 แล้วคุณก็หางานได้แล้ว 58 00:03:09,850 --> 00:03:19,560 คุณอาจบอกว่า งานเท่ากับ 5 นิวตัน คูณ, ผมจะ 59 00:03:19,560 --> 00:03:20,630 เขียนจุดแทนการคูณนะ 60 00:03:20,630 --> 00:03:22,290 ผมไม่อยากให้คุณคิดว่ามันคือ ครอสโปรดัก 61 00:03:22,290 --> 00:03:26,680 คูณ 5 เมตร, ซึ่งก็คือ 25 นิวตันเมตร, หรือคุณอาจ 62 00:03:26,680 --> 00:03:31,250 บอกว่า 25 จูล เป็นงานที่ทำไป 63 00:03:31,250 --> 00:03:35,280 และนี่คือการทบทวนฟิสิกส์พื้นฐานทั่วไป 64 00:03:35,280 --> 00:03:36,720 แต่ลองคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตรงนี้ 65 00:03:36,720 --> 00:03:37,430 งานคืออะไร? 66 00:03:37,430 --> 00:03:39,190 หากผมเขียนในรูปนามธรรม 67 00:03:39,190 --> 00:03:42,550 งานเท่ากับ 5 นิวตัน 68 00:03:42,550 --> 00:03:46,700 นั่นคือขนาดของเวกเตอร์แรง, ดังนั้นมัน 69 00:03:46,700 --> 00:03:52,630 คือขนาดของเวกเตอร์แรงผม, คูณโคไซน์ของมุมนี้ 70 00:03:52,630 --> 00:03:53,860 คุณก็รู้, เรียกมันว่าเทต้าแล้วกัน 71 00:03:53,860 --> 00:03:55,010 สมมุติว่ามันทั่ว ๆ ไปแล้วกัน 72 00:03:55,010 --> 00:03:58,150 คูณกับโคไซน์ของมุม 73 00:03:58,150 --> 00:04:01,740 นี่คือปริมาณของแรงในทิศของ 74 00:04:01,740 --> 00:04:04,960 การกระจัด, โคไซน์ของมุมระหว่างพวกมัน, คูณ 75 00:04:04,960 --> 00:04:06,800 ขนาดของการกระจัด 76 00:04:06,800 --> 00:04:12,260 งั้นคูณขนาดของการกระจัด 77 00:04:12,260 --> 00:04:15,560 หรือหากผมอยากเขียนมันใหม่, ผมก็เขียนมันเป็น, 78 00:04:15,560 --> 00:04:18,940 ขนาดของการกระจัด คูณ ขนาดของแรง 79 00:04:18,940 --> 00:04:23,400 คูณโคไซน์ของเทต้า 80 00:04:23,400 --> 00:04:26,760 และผมทำวิดีโอหลายอันเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว, ในรายการพีชคณิตเชิงเส้น 81 00:04:26,760 --> 00:04:28,880 ในรายการฟิสิกส์, โดยผมพูดถึง 82 00:04:28,880 --> 00:04:31,580 ดอทโปรดัคและครอสโปรดัค อะไรพวกนั้น, แต่ 83 00:04:31,580 --> 00:04:40,470 นี่คือดอทโปรดัคของเวกเตอร์ d กับ f 84 00:04:40,470 --> 00:04:43,700 งั้นโดยทั่วไป, หากคุณพยายามหางานของการกระจัด 85 00:04:43,700 --> 00:04:46,730 คงที่, และคุณมีแรงคงที่, คุณก็แค่ 86 00:04:46,730 --> 00:04:48,530 หาดอทโปรดัคของเวกเตอร์สองตัวนั้น 87 00:04:48,530 --> 00:04:51,330 และหากดอทโปรดัคเป็นเรื่องไม่คุ้นเคยสำหรับ 88 00:04:51,330 --> 00:04:53,770 คุณ, คุณอาจอยากไปดู, ผมว่าผมทำไว้หลายอัน, วิดีโอ 89 00:04:53,770 --> 00:04:56,380 4 หรือ 5 อันเกี่ยวกับดอทโปรดัค, และสัญชาตญาณ, 90 00:04:56,380 --> 00:04:57,420 ว่ามันต่างกันยังไง 91 00:04:57,420 --> 00:04:59,280 แต่เพื่อให้คุณได้สัญชาตญาณนิดหน่อยตอนนี้ 92 00:04:59,280 --> 00:05:03,920 ดอทโปรดัค, ตอนผมเอา f ดอท d, หรือ d ดอท f, 93 00:05:03,920 --> 00:05:08,440 สิ่งที่มันให้ผมคือ, ผมกำลังคูณขนาด, 94 00:05:08,440 --> 00:05:10,130 อันนั้นผมแค่อ่านนี่ออกมา 95 00:05:10,130 --> 00:05:13,590 แต่แนวคิดของดอทโปรดัคคือ, เอาปริมาณ 96 00:05:13,590 --> 00:05:16,800 ของเวกเตอร์ในทิศเดียวกับเวกเตอร์นี้ออกมา, 97 00:05:16,800 --> 00:05:18,500 ในกรณีนี้, ก็คือเท่านี้ 98 00:05:18,500 --> 00:05:21,110 แล้วคูณด้วยขนาดทั้งสอง 99 00:05:21,110 --> 00:05:22,410 และนั่นคือสิ่งที่เราทำไปตรงนี้ 100 00:05:22,410 --> 00:05:26,230 ดังนั้นงานจะเท่ากับเวกเตอร์แรง, ดอท, เอา 101 00:05:26,230 --> 00:05:28,980 ส่วนดอทของเวกเตอร์แรง กับเวกเตอร์การกระจัด, 102 00:05:28,980 --> 00:05:30,840 และนี่, แน่นอน, มีค่าเป็นสเกลาร์ 103 00:05:30,840 --> 00:05:33,040 และเราจะทำตัวอย่างในอนาคต 104 00:05:33,040 --> 00:05:34,360 ให้คุณเห็นว่ามันเป็นจริง 105 00:05:34,360 --> 00:05:39,000 ดังนั้นนี่คือการทบทวนฟิสิกส์เบื้องต้นจริง ๆ 106 00:05:39,000 --> 00:05:42,500 ทีนี้ ลองดูตัวอย่างที่ซับซ้อนขึ้น, แต่มันยัง 107 00:05:42,500 --> 00:05:43,670 คิดเหมือนเดิม 108 00:05:43,670 --> 00:05:45,873 ลองนิยามสนามเวกเตอร์ขึ้นมา 109 00:05:45,873 --> 00:05:48,660 - 110 00:05:48,660 --> 00:05:51,371 งั้นสมมุติว่าผมมีสนามเวกเตอร์ f, และเรา 111 00:05:51,371 --> 00:05:54,050 จะคิดว่ามันหมายถึงอะไรในไม่ช้า 112 00:05:54,050 --> 00:05:58,890 มันคือฟังก์ชันของ x กับ y, และมันเท่ากับสเกลาร์ฟังก์ชัน 113 00:05:58,890 --> 00:06:04,490 ของ x กับ y คูณเวกเตอร์หน่วย i, หรือ 114 00:06:04,490 --> 00:06:08,760 เวกเตอร์หน่วยตามแนวราบ, บวกฟังก์ชันอีกอัน, ฟังก์ชัน 115 00:06:08,760 --> 00:06:14,250 สเกลาร์ของ x กับ y, คูณเวกเตอร์หน่วยตามแนวดิ่ง 116 00:06:14,250 --> 00:06:15,580 แล้วของแบบนี้จะเป็นยังไง? 117 00:06:15,580 --> 00:06:17,460 นี่คือสนามเวกเตอร์ 118 00:06:17,460 --> 00:06:20,210 นี่คือสนามเวกเตอร์ในสเปซ 2 มิติ 119 00:06:20,210 --> 00:06:21,330 เราอยู่ในระนาบ x-y 120 00:06:21,330 --> 00:06:31,190 - 121 00:06:31,190 --> 00:06:35,840 หรือคุณอาจเรียกมันว่า R2 122 00:06:35,840 --> 00:06:37,690 ไม่ว่ายังไง, ผมไม่อยากพูดถึง 123 00:06:37,690 --> 00:06:39,230 คณิตศาสตร์ในนั้นเกินไป 124 00:06:39,230 --> 00:06:40,590 แต่นี่จะทำอะไร? 125 00:06:40,590 --> 00:06:47,270 เอาล่ะ, หากผมวาดระนาบ x-y, โดยที่นั่นคือ, 126 00:06:47,270 --> 00:06:49,070 ผมมีปัญหาเรื่องวาดเส้นตรงอีกแล้ว 127 00:06:49,070 --> 00:06:50,610 เอาล่ะ, ได้แล้ว 128 00:06:50,610 --> 00:06:54,050 นั่นคือแกน y ผม, และนั่นคือแกน x ผม 129 00:06:54,050 --> 00:06:56,360 ผมแค่วาดจตุภาคแรก, แต่คุณอาจวาด 130 00:06:56,360 --> 00:06:59,450 ไปเป็นลบในอีกทางนึงก็ได้ถ้าต้องการ 131 00:06:59,450 --> 00:07:01,260 แล้วสิ่งนี้จะทำอะไร? 132 00:07:01,260 --> 00:07:02,350 มันกำลังบอกว่า, ลองดู 133 00:07:02,350 --> 00:07:06,800 คุณบอกค่า x กับ y ใด ๆ กับผม คุณบอกค่า x,y ใด ๆ บนระนาบ x-y 134 00:07:06,800 --> 00:07:09,970 และพวกนี้จะออกมาเป็นตัวเลข, จริงไหม? 135 00:07:09,970 --> 00:07:12,655 เมื่อคุณใส่ x, y ตรงนี้, คุณจะได้ค่าบางอย่าง, 136 00:07:12,655 --> 00:07:14,310 ตอนคุณแทน x, y ตรงนี้, คุณจะได้ค่าบางอย่าง 137 00:07:14,310 --> 00:07:16,980 คุณจะได้ส่วนผสมของเวกเตอร์หน่วย 138 00:07:16,980 --> 00:07:18,070 i กับ j 139 00:07:18,070 --> 00:07:19,770 งั้นคุณจะได้เวกเตอร์สักตัว 140 00:07:19,770 --> 00:07:23,020 และสิ่งที่นี่ทำ, มันจะนิยามเวกเตอร์ที่คู่ 141 00:07:23,020 --> 00:07:24,810 กับจุดทุกจัดบนระนาบ x-y 142 00:07:24,810 --> 00:07:28,780 ผมอาจบอกได้ว่า, หากผมเอาจุดนี้บนระนาบ x-y มา, 143 00:07:28,780 --> 00:07:32,480 และผมเลือกมันมาไว้นี่, ผมจะได้บางสิ่งคูณ i บวก 144 00:07:32,480 --> 00:07:34,730 บางสิ่งคูณ j, และเมื่อคุณบวกสองอย่างเข้า, เราจะได้ 145 00:07:34,730 --> 00:07:37,130 เวกเตอร์ที่ออกมาเป็นแบบนี้ 146 00:07:37,130 --> 00:07:38,100 และคุณทำได้กับทุกจุด 147 00:07:38,100 --> 00:07:39,190 ผมแค่เลือกตัวอย่างขึ้นมามั่ว ๆ 148 00:07:39,190 --> 00:07:41,420 บางทีตอนผมมาตรงนี้, เวกเตอร์ดู 149 00:07:41,420 --> 00:07:42,280 หน้าตาแบบนี้ 150 00:07:42,280 --> 00:07:44,910 บางทีตอนผมไปตรงนี้, เวกเตอร์หน้าตาเป็นแบบนี้ 151 00:07:44,910 --> 00:07:47,560 บางทีตอนผมไปตรงนี้, เวกเตอร์เป็นแบบนี้ 152 00:07:47,560 --> 00:07:50,350 และบางทีตอนผมไปถึงตรงนี้, เวกเตอร์ไปแบบนั้น 153 00:07:50,350 --> 00:07:52,320 ผมแค่เลือกจุดขึ้นมาสุ่ม ๆ 154 00:07:52,320 --> 00:07:57,090 มันจะตั้งเวกเตอร์บนพิกัด x, y ทั้งหมด โดย 155 00:07:57,090 --> 00:08:00,920 ฟังก์ชันสเกลาร์พวกนี้ถูกนิยามไว้ชัดเจน 156 00:08:00,920 --> 00:08:02,370 และนั่นคือสาเหตุที่มันถูกเรียกว่า สนามเวกเตอร์ 157 00:08:02,370 --> 00:08:06,580 มันนิ่ยามสิ่งที่ แรงศักย์ จะเป็น, 158 00:08:06,580 --> 00:08:11,430 หรือแรงประเภทอื่น ๆ, ณ จุดใด ๆ 159 00:08:11,430 --> 00:08:14,350 ที่จุดใด ๆ, หากคุณมีอะไรสักอย่างตรงนั้น 160 00:08:14,350 --> 00:08:15,900 บางทีนั่นคือสิ่งที่ฟังก์ชันเป็น 161 00:08:15,900 --> 00:08:17,750 ผมสามารถทำแบบนี้ไปตลอด, 162 00:08:17,750 --> 00:08:18,790 และเติมเต็มที่ว่างทั้งหมด 163 00:08:18,790 --> 00:08:19,660 แต่ผมว่าคุณคงเข้าใจแล้ว 164 00:08:19,660 --> 00:08:24,790 มันจับคู่เวกเตอร์เข้ากับทุกจุดบนระนาบ x-y 165 00:08:24,790 --> 00:08:29,010 ทีนี้, นี่เรียกว่าสนามเวกเตอร์, ดังนั้นก็เข้าใจได้ 166 00:08:29,010 --> 00:08:30,950 ว่านี่สามารถใช้บรรยาย 167 00:08:30,950 --> 00:08:31,870 สนามได้ทุกประเภท 168 00:08:31,870 --> 00:08:33,410 มันอาจเป็นสนามโน้มถ่วงก็ได้ 169 00:08:33,410 --> 00:08:36,840 มันอาจเป็นสนามไฟฟ้า, อาจเป็นสนามเหล็ก 170 00:08:36,840 --> 00:08:39,630 และนี่อาจบอกคุณว่ามีแรง 171 00:08:39,630 --> 00:08:43,190 กระทำต่ออนุภาคในสนามนั้นเท่าไหร่ 172 00:08:43,190 --> 00:08:44,660 นั่นคือสิ่งนี้กำลังบรรยายอยู่ 173 00:08:44,660 --> 00:08:48,950 ตอนนี้, สมมุติว่าในสนามนี้, ผมมีอนุภาค 174 00:08:48,950 --> 00:08:51,610 เคลื่อนที่ไปในระนาบ x-y 175 00:08:51,610 --> 00:08:58,620 สมมุติว่ามันเริ่มตรงนี้, และเนื่องจากแรงเพี้ยน ๆ พวกนี้ 176 00:08:58,620 --> 00:09:03,850 กระทำต่อมัน, หรือบางทีมันอยู่ในราง 177 00:09:03,850 --> 00:09:06,900 หรืออะไรสักอย่าง, มันไม่ต้องเคลื่อนที่ไป 178 00:09:06,900 --> 00:09:09,360 ตามทิศของสนามที่กระทำต่อมันเสมอไป 179 00:09:09,360 --> 00:09:14,030 สมมุติว่ามันเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เคลื่อนไปแบบนี้ 180 00:09:14,030 --> 00:09:17,710 สมมุติว่าเส้นทางนี้, หรือเส้นโค้งนี้, บรรยายได้ 181 00:09:17,710 --> 00:09:22,010 ด้วยฟังก์ชันเวกเตอร์ตำแหน่ง 182 00:09:22,010 --> 00:09:25,150 งั้นสมมุติว่านั่นนิยามด้วย r ของ t, หรือก็ 183 00:09:25,150 --> 00:09:33,780 คือ x ของ t คูณ i บวก y ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย j 184 00:09:33,780 --> 00:09:35,130 นั่นคือ r ของ t ตรงนี้ 185 00:09:35,130 --> 00:09:37,730 ทีนี้, ในการทำให้นี่เป็นเส้นทางจำกัด, มันจะเป็น 186 00:09:37,730 --> 00:09:42,370 เช่นนั้นก่อน t มากกว่าเท่ากับ a, และน้อยกว่า 187 00:09:42,370 --> 00:09:45,640 เท่ากับ b 188 00:09:45,640 --> 00:09:47,830 นี่คือเส้นทางที่อนุภาคจะ 189 00:09:47,830 --> 00:09:50,370 เคลื่อนไป, เนื่องจากแรงพวกนี้ 190 00:09:50,370 --> 00:09:54,270 เมื่ออนุภาคอยู่ตรงนี้, บางทีสนามเวกเตอร์ 191 00:09:54,270 --> 00:09:56,960 ที่กระทำต่อมัน, บางทีมันอาจให้แรงแบบนั้น 192 00:09:56,960 --> 00:09:59,520 แต่เนื่องจากสิ่งนี้อยู่บนรางสักอย่าง, มันจะ 193 00:09:59,520 --> 00:10:00,400 เคลื่อนที่ไปในทิศนั้น 194 00:10:00,400 --> 00:10:03,830 แล้วเมื่อมันอยู่ตรงนี้, บางทีสนามเวกเตอร์เป็นแบบนั้น, 195 00:10:03,830 --> 00:10:05,740 แต่มันเคลื่อนที่ไปอีกทิศนึง, เพราะมันอยู่ 196 00:10:05,740 --> 00:10:06,940 บนรางสักอย่าง 197 00:10:06,940 --> 00:10:09,500 ตอนนี้, ทุกอย่างที่ผมทำมาในวิดีโอนี้ เพื่อตั้ง 198 00:10:09,500 --> 00:10:11,180 คำถามพื้น ๆ ข้อนึง 199 00:10:11,180 --> 00:10:13,910 นั่นคือ งานที่กระทำต่ออนุภาคโดยสนามนั้นเป็นเท่าไหร่? 200 00:10:13,910 --> 00:10:24,960 - 201 00:10:24,960 --> 00:10:28,620 เพื่อตอบคำถามนั้น, เราลองขยายเข้าไปหน่อย 202 00:10:28,620 --> 00:10:31,100 ผมจะขยายเข้าไปตรงส่วนเล็ก ๆ 203 00:10:31,100 --> 00:10:34,710 ของเส้นทางเรา 204 00:10:34,710 --> 00:10:38,010 และลองหาว่างานที่กระทำใน 205 00:10:38,010 --> 00:10:40,470 ช่วงเล็ก ๆ ของเส้นทาง, เพราะมันเปลี่ยนไปสม่ำเสมอ 206 00:10:40,470 --> 00:10:42,190 สนามมีทิศเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ 207 00:10:42,190 --> 00:10:43,630 วัตถุก็เปลี่ยนทิศไปเรื่อย ๆ 208 00:10:43,630 --> 00:10:47,780 งั้นสมมุติว่าตอนผมอยู่ตรงนี้, สมมุติว่าผมเคลื่อนที่ 209 00:10:47,780 --> 00:10:49,740 ไปได้นิดเดียวตามทาง 210 00:10:49,740 --> 00:10:55,860 สมมุติว่าผมเคลื่อนที่, นี่เป็น dr 211 00:10:55,860 --> 00:10:58,500 เล็กจิ๋ว, จริงไหม? 212 00:10:58,500 --> 00:11:00,810 ผมมีดิฟเฟอเรนเชียล, มันคือเวกเตอร์ดิฟเฟอเรนเชียล, การ 213 00:11:00,810 --> 00:11:02,630 กระจัดเล็กจิ๋ว 214 00:11:02,630 --> 00:11:06,800 และสมมุติว่าตลอดช่วงนั้น, สนามเวกเตอร์ 215 00:11:06,800 --> 00:11:08,840 กำลังกระทำกับพื้นที่ท้องถิ่นนี้, สมมุติว่ามัน 216 00:11:08,840 --> 00:11:10,480 หน้าตาแบบนั้น 217 00:11:10,480 --> 00:11:13,490 มันกำลังให้แรงที่ดูเป็นแบบนั้น 218 00:11:13,490 --> 00:11:16,640 ดังนั้นนั่นคือเวกเตอร์สนามในพื้นที่นั้น, หรือแรง 219 00:11:16,640 --> 00:11:18,750 ชี้ไปยังอนุภาคตรงนี้มันอยู่ ณ จุดนั้น 220 00:11:18,750 --> 00:11:18,870 จริงไหม? 221 00:11:18,870 --> 00:11:22,420 มันคือช่วงเล็กจิ๋วในสเปซ 222 00:11:22,420 --> 00:11:24,440 คุณอาจบอกว่า, โอเค, ตลอดช่วงเล็กจิ๋วนั่น, เรา 223 00:11:24,440 --> 00:11:26,600 บอกว่านี่เป็นแรงคงที่ 224 00:11:26,600 --> 00:11:29,790 งานที่ทำตลอดช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เป็นเท่าไหร่? 225 00:11:29,790 --> 00:11:32,330 คุณก็บอกว่า, งานช่วงเล็ก ๆ คืออะไร? 226 00:11:32,330 --> 00:11:36,120 คุณอาจบอกว่า d งาน, หรือดิฟเฟอเรนเชียลของงาน 227 00:11:36,120 --> 00:11:38,940 ด้วยตรรกะเดียวกันที่เราทำกับโจทย์ง่าย ๆ 228 00:11:38,940 --> 00:11:43,810 มันคือขนาดของแรงในทิศของ 229 00:11:43,810 --> 00:11:48,550 การกระจัดคูณขนาดของการกระจัด 230 00:11:48,550 --> 00:11:52,800 และเรารู้ว่ามันคืออะไร, จากตัวอย่างข้างบนนี้ 231 00:11:52,800 --> 00:11:54,810 นั่นคือดอทโปรดัค 232 00:11:54,810 --> 00:11:58,340 มันคือดอทโปรดัคของแรงกับการกระจัดเล็กจิ๋ว 233 00:11:58,340 --> 00:11:59,480 ของเรา 234 00:11:59,480 --> 00:12:07,860 ดังนั้นมันเท่ากับดอทโปรดัคของแรงเรากับ 235 00:12:07,860 --> 00:12:09,870 การกระจัดเล็กจิ๋ว 236 00:12:09,870 --> 00:12:13,240 ทีนี้, ด้วยการทำเช่นนี้, เราเพิ่งหาได้ว่างาน 237 00:12:13,240 --> 00:12:16,440 ตลอดช่วง dr ที่เล็กสุด ๆๆๆ ไป แต่ 238 00:12:16,440 --> 00:12:18,820 ที่เราอยากทำคือ เราอยากรวมพวกมันเข้า 239 00:12:18,820 --> 00:12:21,870 เราอยากรวม dr ทั้งหมดเพื่อหา f ดอท 240 00:12:21,870 --> 00:12:25,090 dr ทั้งหมด เพื่อหางานลัพธ์ 241 00:12:25,090 --> 00:12:27,510 และนั่นคือที่ที่อินทิกรัลเข้ามา 242 00:12:27,510 --> 00:12:32,570 เราจะหาอินทิกรัลเส้นตลอด -- ผมหมายถึง, คุณอาจ 243 00:12:32,570 --> 00:12:33,910 คิดได้สองแบบ 244 00:12:33,910 --> 00:12:37,440 คุณอาจเขียน d ดอท w ตรงนี้, แต่เราอาจบอกว่า, เราจะ 245 00:12:37,440 --> 00:12:42,700 หาอินทิกรัลเส้นตลอดเส้นโค้ง c นี่, เรียกมันว่า c 246 00:12:42,700 --> 00:12:46,410 หรือตาม r, อะไรก็ได้ที่คุณอยากเรียก, ของ dw 247 00:12:46,410 --> 00:12:47,800 นั่นจะให้งานรวมกับเรา 248 00:12:47,800 --> 00:12:49,500 งั้นสมมุติว่า, งานเท่ากับอันนั้น 249 00:12:49,500 --> 00:12:54,040 หรือเราอาจเขียนมันตลอดอินทิกรัล, ตลอด 250 00:12:54,040 --> 00:13:00,500 เส้นโค้งของ f ของ f ดอท dr 251 00:13:00,500 --> 00:13:03,580 และนี่อาจดู, คุณก็รู้, นี่มัน 252 00:13:03,580 --> 00:13:05,120 ดูนามธรรมมากเลยนะ ซาล 253 00:13:05,120 --> 00:13:09,220 เราจะคำนวณอะไรแบบนี้จริง ๆ ได้ไง? 254 00:13:09,220 --> 00:13:13,130 ได้สิ เพราะเรามีทุกอย่างเขียนได้ 255 00:13:13,130 --> 00:13:14,030 ในรูปของ t 256 00:13:14,030 --> 00:13:16,130 แล้วเราจะได้นี่ในรูปของ t ได้อย่างไร? 257 00:13:16,130 --> 00:13:19,710 และหากคุณคิดดูดี ๆ, f ดอท r คืออะไร? 258 00:13:19,710 --> 00:13:21,030 หรือ f ดอท dr คืออะไร? 259 00:13:21,030 --> 00:13:23,300 ที่จริง, ในการตอบคำถามนั้น, ลองนึกดูว่า 260 00:13:23,300 --> 00:13:25,830 dr เป็นอย่างไร 261 00:13:25,830 --> 00:13:36,200 หากคุณจำได้, dr/dt เท่ากับ x ไพรม์ของ t, ผมจะเขียน 262 00:13:36,200 --> 00:13:39,120 มันเเป็น, ผมสามารถเขียน dx dt หากผมต้องการ, คูณ 263 00:13:39,120 --> 00:13:45,180 เวกเตอร์หน่วย i, บวก y ไพรม์ของ t, คูณเวกเตอร์หน่วย j 264 00:13:45,180 --> 00:13:49,320 และหากเราอยากได้ dr, เราก็คูณทั้งสองข้าง 265 00:13:49,320 --> 00:13:51,850 หากเราเล่นกลสักหน่อยกับ 266 00:13:51,850 --> 00:13:53,470 ดิฟเฟอเรนเชียล, ไม่เข้มงวดเกินไป 267 00:13:53,470 --> 00:13:58,480 เราจะได้ dr เท่ากับ x ไพรม์ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย 268 00:13:58,480 --> 00:14:05,070 i บวก y ไพรม์ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย j 269 00:14:05,070 --> 00:14:07,280 คุณดิฟเฟอเรนเชียล dt 270 00:14:07,280 --> 00:14:09,070 งั้นนี่คือ dr ตรงนี้ 271 00:14:09,070 --> 00:14:12,110 - 272 00:14:12,110 --> 00:14:16,280 และจำไว้ว่าสนามเวกเตอร์เราคืออะไร 273 00:14:16,280 --> 00:14:17,440 มันคือสิ่งนี้บนนี้ 274 00:14:17,440 --> 00:14:19,590 ขอผมลอกและแปะไว้ตรงนี้นะ 275 00:14:19,590 --> 00:14:21,030 เราจะเห็นเองว่าดอทโปรดัค 276 00:14:21,030 --> 00:14:23,360 ไม่ได้แย่นัก 277 00:14:23,360 --> 00:14:26,710 งั้นลอก, และขอผมแปะมันข้างล่างตรงนี้นะ 278 00:14:26,710 --> 00:14:31,130 - 279 00:14:31,130 --> 00:14:33,820 แล้วอินทิกรัลนี้จะออกมาเป็นอย่างไร? 280 00:14:33,820 --> 00:14:37,600 อินทิกรัลนี่ตรงนี้, นั่นบอกงานรวมที่ทำโดย 281 00:14:37,600 --> 00:14:40,790 สนาม, ต่ออนุภาค, เมื่อมันเคลื่อนที่ตามเส้นทางนั่น 282 00:14:40,790 --> 00:14:44,090 แค่หลักพื้นฐานถึงฟิสิกส์จริง ๆ 283 00:14:44,090 --> 00:14:47,170 ที่คุณอาจต้องทำในที่สุด 284 00:14:47,170 --> 00:14:48,170 คุณอาจบอกว่า, โอ้ 285 00:14:48,170 --> 00:14:52,420 มันจะต้องเป็นอินทิกรัล, สมมุติว่าจาก t เท่ากับ 286 00:14:52,420 --> 00:14:55,320 a ถึง t เท่ากับ b 287 00:14:55,320 --> 00:14:58,310 จริงไหม? a คือตอนที่เราเริ่มต้น, t เท่ากับ 288 00:14:58,310 --> 00:14:59,790 a ถึง t เท่ากับ b 289 00:14:59,790 --> 00:15:01,760 คุณอาจนึกว่ามันคือเวลา, เมื่ออนุภาค 290 00:15:01,760 --> 00:15:03,610 เคลื่อนที่, เวลาก็เริ่มเดิน 291 00:15:03,610 --> 00:15:07,000 แล้ว f ดอท dr คืออะไร? 292 00:15:07,000 --> 00:15:10,640 ทีนี้, หากคุณจำไว้ว่าดอทโปรดัคคืออะไร, คุณก็ 293 00:15:10,640 --> 00:15:15,310 แค่หาผลคูณระหว่างองค์ประกอบ 294 00:15:15,310 --> 00:15:17,740 คู่กันของเวกเตอร์ แล้วจับมันรวมกัน 295 00:15:17,740 --> 00:15:20,070 ดังนั้น นี่จะเท่ากับอินทิกรัลจาก t เท่ากับ a ถึง t 296 00:15:20,070 --> 00:15:27,246 เท่ากับ b, ของ p ของ p ของ x, ที่จริง แทนที่จะเขียน x, 297 00:15:27,246 --> 00:15:30,740 y, มันคือ x ของ t, จริงไหม? x เป็นฟังก์ชันของ t, y เป็น 298 00:15:30,740 --> 00:15:32,350 ฟังก์ชันของ t 299 00:15:32,350 --> 00:15:33,690 เลยเป็นแบบนั้น 300 00:15:33,690 --> 00:15:37,600 คูณด้วยสิ่งนี่ตรงนี้, คูณองค์ประกอบนี้, จริงไหม? 301 00:15:37,600 --> 00:15:39,300 เรากำลังคูณองค์ประกอบ i อยู่ 302 00:15:39,300 --> 00:15:50,650 งั้นคูณ x ไพรม์ของ t d t, แล้วก็บวก, เราจะ 303 00:15:50,650 --> 00:15:52,370 ทำเหมือนกันกับฟังก์ชัน q 304 00:15:52,370 --> 00:15:56,060 ดังนั้นนี่คือ q บวก, ผมจะไปอีกบรรทัดนึงนะ 305 00:15:56,060 --> 00:15:57,760 หวังว่าคุณคงรู้ว่าผมยังเขียนต่ออยู่ 306 00:15:57,760 --> 00:15:59,020 แต่ผมไม่มีที่แล้ว 307 00:15:59,020 --> 00:16:09,960 บวก q ของ x ของ t, y ของ t, คูณองค์ประกอบของ dr เรา 308 00:16:09,960 --> 00:16:11,900 คูณองค์ประกอบ y, หรือ องค์ประกอบ j 309 00:16:11,900 --> 00:16:15,530 y ไพรม์ของ t dt 310 00:16:15,530 --> 00:16:16,620 แล้วก็เสร็จ! 311 00:16:16,620 --> 00:16:17,480 เสร็จแล้ว 312 00:16:17,480 --> 00:16:19,300 นี่อาจดูนามธรรมไปหน่อย, แต่เราจะ 313 00:16:19,300 --> 00:16:23,020 เห็นในวิดีโอหน้า, ว่าทุกอย่างตอนนี้อยู่ในรูปของ 314 00:16:23,020 --> 00:16:25,480 t, นี่ก็จะเป็นการอินทิเกรตตรง ๆ 315 00:16:25,480 --> 00:16:27,170 เทียบกับ dt 316 00:16:27,170 --> 00:16:30,150 หากเราต้องการ, เราสามารถเอา dt ออกจากสมการ 317 00:16:30,150 --> 00:16:32,270 และมันจะอยู่ปกติกว่าเดิม 318 00:16:32,270 --> 00:16:34,640 แต่ที่สุดแล้วนี่คือทั้งหมดที่เราต้องทำ 319 00:16:34,640 --> 00:16:38,080 และเราจะดูตัวอย่างจริง ๆ ในการหา 320 00:16:38,080 --> 00:16:43,230 อินทิกรัลเส้นตามสนามเวกเตอร์, หรือใช้ฟังก์ชัน 321 00:16:43,230 --> 00:16:45,790 เวกเตอร์นี้, ในวิดีโอหน้า 322 00:16:45,790 --> 00:16:46,000 -