WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:00.330 - 00:00:00.330 --> 00:00:03.110 หนึ่งในแนวคิดที่พื้นฐานที่สุดอย่างนึงในฟิสิกส์ 00:00:03.110 --> 00:00:05.385 คือ แนวคิดเรื่องงาน 00:00:05.385 --> 00:00:08.450 ทีนี้, ตอนคุณเรียนเรื่องงานครั้งแรก, คุณอาจบอกว่า, โอ้ 00:00:08.450 --> 00:00:10.120 นั่นก็แค่แรงคูณระยะทาง 00:00:10.120 --> 00:00:12.200 แต่แล้วต่อมา, ตอนคุณเรียนอีกหน่อยเรื่อง 00:00:12.200 --> 00:00:14.770 เวกเตอร์, คุณก็รู้ว่าแรงไม่จำเป็นต้อง 00:00:14.770 --> 00:00:17.610 มีทิศทางเดียวกับการกระจัด 00:00:17.610 --> 00:00:21.450 คุณก็เลยรู้ว่า งาน มีแค่ขนาด, ขอผมเขียนลงไป 00:00:21.450 --> 00:00:33.070 ตรงนี้นะ, ขนาดของแรง, ในทิศ, 00:00:33.070 --> 00:00:39.460 หรือองค์ประกอบของแรงในทิศ 00:00:39.460 --> 00:00:41.740 ของการกระจัด 00:00:41.740 --> 00:00:44.206 การกระจัดก็คือระยะทางที่มีทิศด้วย 00:00:44.206 --> 00:00:49.970 - 00:00:49.970 --> 00:00:55.290 คูณขนาดของการกระจัด, หรือคุณบอกว่า 00:00:55.290 --> 00:00:56.695 คูณระยะที่มันเลื่อนไป 00:00:56.695 --> 00:01:00.810 - 00:01:00.810 --> 00:01:02.330 และตัวอย่างคลาสสิค 00:01:02.330 --> 00:01:06.250 บางทีคุณอาจมีก้อนน้ำแข็ง, หรือก้อนหินสักอย่าง 00:01:06.250 --> 00:01:08.740 เป็นน้ำแข็งจะได้ไม่มีแรงเสียดทานมากนัก 00:01:08.740 --> 00:01:12.510 บางทีมันอาจอยู่บนทะเลสาบที่ใหญ่กว่า หรือน้ำแข็งอะไรสักอย่าง 00:01:12.510 --> 00:01:15.030 บางทีคุณอาจดึงก้อนน้ำแข็งนั่นเป็นมุมค่านึง 00:01:15.030 --> 00:01:17.610 สมมุติว่า คุณกำลังดึงมันเป็นมุมแบบนั้น 00:01:17.610 --> 00:01:20.820 นั่นคือแรงของผม, ตรงนี้ 00:01:20.820 --> 00:01:24.080 สมมุติว่าแรงผมเท่ากับ -- ทีนี้, นั่นคือ 00:01:24.080 --> 00:01:25.160 เวกเตอร์แรงผม 00:01:25.160 --> 00:01:33.870 สมมุติว่าขนาดของเวกเตอร์แรง, สมมุติว่า 00:01:33.870 --> 00:01:35.310 มันคือ 10 นิวตัน 00:01:35.310 --> 00:01:37.650 สมมุติว่าทิศของเวกเตอร์แรง, ตรงนี้, 00:01:37.650 --> 00:01:41.080 เวกเตอร์ใด ๆ ต้องมีทั้งขนาดและทิศ, และทิศ 00:01:41.080 --> 00:01:44.920 สมมุติมันทำมุม 30 องศา, สมมุติว่า 00:01:44.920 --> 00:01:47.770 มุม, 60 องศา, เหนือแกนนอน 00:01:47.770 --> 00:01:49.560 ดังนั้นนั่นคือทิศที่ผมกำลังดึง 00:01:49.560 --> 00:01:52.600 สมมุติว่าผมเลื่อนมันไป 00:01:52.600 --> 00:01:55.930 หวังว่านี่เป็นการทบทวนนะ 00:01:55.930 --> 00:01:59.225 หากคุณเลื่อนมัน, สมมุติว่าคุณเลื่อนมันไป 5 นิวตัน 00:01:59.225 --> 00:02:02.570 สมมุติว่าการกระจัด, นั่นคือเวกเตอร์การกระจัด 00:02:02.570 --> 00:02:10.290 ตรงนี้, และขนาดของมันเท่ากับ 5 เมตร 00:02:10.290 --> 00:02:13.460 คุณก็รู้จากนิยามของแรงแล้ว, คุณไม่อาจ 00:02:13.460 --> 00:02:16.940 บอกว่า, โอ้, ผมกำลังดึงด้วยแรง 10 นิวตัน และ 00:02:16.940 --> 00:02:18.360 ผมกำลังเคลื่อนไป 5 เมตร 00:02:18.360 --> 00:02:22.560 คุณไม่สามารถคูณ 10 นิวตันด้วยระยะ 5 เมตรได้ 00:02:22.560 --> 00:02:25.660 คุณต้องหาขนาดขององค์ประกอบ 00:02:25.660 --> 00:02:29.050 ที่อยู่ในทิศเดียวกับการกระจัด 00:02:29.050 --> 00:02:31.860 ดังนั้นสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำคือ, ความยาว, หากคุณ 00:02:31.860 --> 00:02:34.930 นึกถึงความยาวของเวกเตอร์นี้เป็น 10, นั่นก็คือ 00:02:34.930 --> 00:02:37.750 แรงลัพธ์, แต่คุณต้องหาความยาว 00:02:37.750 --> 00:02:40.770 ของเวกเตอร์, นั่นคือองค์ประกอบของแรง, จะได้มีทิศ 00:02:40.770 --> 00:02:43.460 เดียวกับการกระจัดผม 00:02:43.460 --> 00:02:45.570 และด้วยตรีโกณมิติง่าย ๆ, คุณก็รู้ว่า 00:02:45.570 --> 00:02:53.120 นี่คือ 10 คูณโคไซน์ของ 60 องศา, หรือนั่นเท่ากับ 00:02:53.120 --> 00:02:58.010 โคไซน์ของ 60 องศา คือ 1/2, นั่นจะเท่ากับ 5 00:02:58.010 --> 00:03:00.380 ดังนั้นขนาดนี่, ขนาดของแรง 00:03:00.380 --> 00:03:02.410 ไปในทิศเดียวกับการกระจัดในกรณีนี้ 00:03:02.410 --> 00:03:04.810 คือ 5 นิวตัน 00:03:04.810 --> 00:03:07.500 - 00:03:07.500 --> 00:03:09.850 แล้วคุณก็หางานได้แล้ว 00:03:09.850 --> 00:03:19.560 คุณอาจบอกว่า งานเท่ากับ 5 นิวตัน คูณ, ผมจะ 00:03:19.560 --> 00:03:20.630 เขียนจุดแทนการคูณนะ 00:03:20.630 --> 00:03:22.290 ผมไม่อยากให้คุณคิดว่ามันคือ ครอสโปรดัก 00:03:22.290 --> 00:03:26.680 คูณ 5 เมตร, ซึ่งก็คือ 25 นิวตันเมตร, หรือคุณอาจ 00:03:26.680 --> 00:03:31.250 บอกว่า 25 จูล เป็นงานที่ทำไป 00:03:31.250 --> 00:03:35.280 และนี่คือการทบทวนฟิสิกส์พื้นฐานทั่วไป 00:03:35.280 --> 00:03:36.720 แต่ลองคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตรงนี้ 00:03:36.720 --> 00:03:37.430 งานคืออะไร? 00:03:37.430 --> 00:03:39.190 หากผมเขียนในรูปนามธรรม 00:03:39.190 --> 00:03:42.550 งานเท่ากับ 5 นิวตัน 00:03:42.550 --> 00:03:46.700 นั่นคือขนาดของเวกเตอร์แรง, ดังนั้นมัน 00:03:46.700 --> 00:03:52.630 คือขนาดของเวกเตอร์แรงผม, คูณโคไซน์ของมุมนี้ 00:03:52.630 --> 00:03:53.860 คุณก็รู้, เรียกมันว่าเทต้าแล้วกัน 00:03:53.860 --> 00:03:55.010 สมมุติว่ามันทั่ว ๆ ไปแล้วกัน 00:03:55.010 --> 00:03:58.150 คูณกับโคไซน์ของมุม 00:03:58.150 --> 00:04:01.740 นี่คือปริมาณของแรงในทิศของ 00:04:01.740 --> 00:04:04.960 การกระจัด, โคไซน์ของมุมระหว่างพวกมัน, คูณ 00:04:04.960 --> 00:04:06.800 ขนาดของการกระจัด 00:04:06.800 --> 00:04:12.260 งั้นคูณขนาดของการกระจัด 00:04:12.260 --> 00:04:15.560 หรือหากผมอยากเขียนมันใหม่, ผมก็เขียนมันเป็น, 00:04:15.560 --> 00:04:18.940 ขนาดของการกระจัด คูณ ขนาดของแรง 00:04:18.940 --> 00:04:23.400 คูณโคไซน์ของเทต้า 00:04:23.400 --> 00:04:26.760 และผมทำวิดีโอหลายอันเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว, ในรายการพีชคณิตเชิงเส้น 00:04:26.760 --> 00:04:28.880 ในรายการฟิสิกส์, โดยผมพูดถึง 00:04:28.880 --> 00:04:31.580 ดอทโปรดัคและครอสโปรดัค อะไรพวกนั้น, แต่ 00:04:31.580 --> 00:04:40.470 นี่คือดอทโปรดัคของเวกเตอร์ d กับ f 00:04:40.470 --> 00:04:43.700 งั้นโดยทั่วไป, หากคุณพยายามหางานของการกระจัด 00:04:43.700 --> 00:04:46.730 คงที่, และคุณมีแรงคงที่, คุณก็แค่ 00:04:46.730 --> 00:04:48.530 หาดอทโปรดัคของเวกเตอร์สองตัวนั้น 00:04:48.530 --> 00:04:51.330 และหากดอทโปรดัคเป็นเรื่องไม่คุ้นเคยสำหรับ 00:04:51.330 --> 00:04:53.770 คุณ, คุณอาจอยากไปดู, ผมว่าผมทำไว้หลายอัน, วิดีโอ 00:04:53.770 --> 00:04:56.380 4 หรือ 5 อันเกี่ยวกับดอทโปรดัค, และสัญชาตญาณ, 00:04:56.380 --> 00:04:57.420 ว่ามันต่างกันยังไง 00:04:57.420 --> 00:04:59.280 แต่เพื่อให้คุณได้สัญชาตญาณนิดหน่อยตอนนี้ 00:04:59.280 --> 00:05:03.920 ดอทโปรดัค, ตอนผมเอา f ดอท d, หรือ d ดอท f, 00:05:03.920 --> 00:05:08.440 สิ่งที่มันให้ผมคือ, ผมกำลังคูณขนาด, 00:05:08.440 --> 00:05:10.130 อันนั้นผมแค่อ่านนี่ออกมา 00:05:10.130 --> 00:05:13.590 แต่แนวคิดของดอทโปรดัคคือ, เอาปริมาณ 00:05:13.590 --> 00:05:16.800 ของเวกเตอร์ในทิศเดียวกับเวกเตอร์นี้ออกมา, 00:05:16.800 --> 00:05:18.500 ในกรณีนี้, ก็คือเท่านี้ 00:05:18.500 --> 00:05:21.110 แล้วคูณด้วยขนาดทั้งสอง 00:05:21.110 --> 00:05:22.410 และนั่นคือสิ่งที่เราทำไปตรงนี้ 00:05:22.410 --> 00:05:26.230 ดังนั้นงานจะเท่ากับเวกเตอร์แรง, ดอท, เอา 00:05:26.230 --> 00:05:28.980 ส่วนดอทของเวกเตอร์แรง กับเวกเตอร์การกระจัด, 00:05:28.980 --> 00:05:30.840 และนี่, แน่นอน, มีค่าเป็นสเกลาร์ 00:05:30.840 --> 00:05:33.040 และเราจะทำตัวอย่างในอนาคต 00:05:33.040 --> 00:05:34.360 ให้คุณเห็นว่ามันเป็นจริง 00:05:34.360 --> 00:05:39.000 ดังนั้นนี่คือการทบทวนฟิสิกส์เบื้องต้นจริง ๆ 00:05:39.000 --> 00:05:42.500 ทีนี้ ลองดูตัวอย่างที่ซับซ้อนขึ้น, แต่มันยัง 00:05:42.500 --> 00:05:43.670 คิดเหมือนเดิม 00:05:43.670 --> 00:05:45.873 ลองนิยามสนามเวกเตอร์ขึ้นมา 00:05:45.873 --> 00:05:48.660 - 00:05:48.660 --> 00:05:51.371 งั้นสมมุติว่าผมมีสนามเวกเตอร์ f, และเรา 00:05:51.371 --> 00:05:54.050 จะคิดว่ามันหมายถึงอะไรในไม่ช้า 00:05:54.050 --> 00:05:58.890 มันคือฟังก์ชันของ x กับ y, และมันเท่ากับสเกลาร์ฟังก์ชัน 00:05:58.890 --> 00:06:04.490 ของ x กับ y คูณเวกเตอร์หน่วย i, หรือ 00:06:04.490 --> 00:06:08.760 เวกเตอร์หน่วยตามแนวราบ, บวกฟังก์ชันอีกอัน, ฟังก์ชัน 00:06:08.760 --> 00:06:14.250 สเกลาร์ของ x กับ y, คูณเวกเตอร์หน่วยตามแนวดิ่ง 00:06:14.250 --> 00:06:15.580 แล้วของแบบนี้จะเป็นยังไง? 00:06:15.580 --> 00:06:17.460 นี่คือสนามเวกเตอร์ 00:06:17.460 --> 00:06:20.210 นี่คือสนามเวกเตอร์ในสเปซ 2 มิติ 00:06:20.210 --> 00:06:21.330 เราอยู่ในระนาบ x-y 00:06:21.330 --> 00:06:31.190 - 00:06:31.190 --> 00:06:35.840 หรือคุณอาจเรียกมันว่า R2 00:06:35.840 --> 00:06:37.690 ไม่ว่ายังไง, ผมไม่อยากพูดถึง 00:06:37.690 --> 00:06:39.230 คณิตศาสตร์ในนั้นเกินไป 00:06:39.230 --> 00:06:40.590 แต่นี่จะทำอะไร? 00:06:40.590 --> 00:06:47.270 เอาล่ะ, หากผมวาดระนาบ x-y, โดยที่นั่นคือ, 00:06:47.270 --> 00:06:49.070 ผมมีปัญหาเรื่องวาดเส้นตรงอีกแล้ว 00:06:49.070 --> 00:06:50.610 เอาล่ะ, ได้แล้ว 00:06:50.610 --> 00:06:54.050 นั่นคือแกน y ผม, และนั่นคือแกน x ผม 00:06:54.050 --> 00:06:56.360 ผมแค่วาดจตุภาคแรก, แต่คุณอาจวาด 00:06:56.360 --> 00:06:59.450 ไปเป็นลบในอีกทางนึงก็ได้ถ้าต้องการ 00:06:59.450 --> 00:07:01.260 แล้วสิ่งนี้จะทำอะไร? 00:07:01.260 --> 00:07:02.350 มันกำลังบอกว่า, ลองดู 00:07:02.350 --> 00:07:06.800 คุณบอกค่า x กับ y ใด ๆ กับผม คุณบอกค่า x,y ใด ๆ บนระนาบ x-y 00:07:06.800 --> 00:07:09.970 และพวกนี้จะออกมาเป็นตัวเลข, จริงไหม? 00:07:09.970 --> 00:07:12.655 เมื่อคุณใส่ x, y ตรงนี้, คุณจะได้ค่าบางอย่าง, 00:07:12.655 --> 00:07:14.310 ตอนคุณแทน x, y ตรงนี้, คุณจะได้ค่าบางอย่าง 00:07:14.310 --> 00:07:16.980 คุณจะได้ส่วนผสมของเวกเตอร์หน่วย 00:07:16.980 --> 00:07:18.070 i กับ j 00:07:18.070 --> 00:07:19.770 งั้นคุณจะได้เวกเตอร์สักตัว 00:07:19.770 --> 00:07:23.020 และสิ่งที่นี่ทำ, มันจะนิยามเวกเตอร์ที่คู่ 00:07:23.020 --> 00:07:24.810 กับจุดทุกจัดบนระนาบ x-y 00:07:24.810 --> 00:07:28.780 ผมอาจบอกได้ว่า, หากผมเอาจุดนี้บนระนาบ x-y มา, 00:07:28.780 --> 00:07:32.480 และผมเลือกมันมาไว้นี่, ผมจะได้บางสิ่งคูณ i บวก 00:07:32.480 --> 00:07:34.730 บางสิ่งคูณ j, และเมื่อคุณบวกสองอย่างเข้า, เราจะได้ 00:07:34.730 --> 00:07:37.130 เวกเตอร์ที่ออกมาเป็นแบบนี้ 00:07:37.130 --> 00:07:38.100 และคุณทำได้กับทุกจุด 00:07:38.100 --> 00:07:39.190 ผมแค่เลือกตัวอย่างขึ้นมามั่ว ๆ 00:07:39.190 --> 00:07:41.420 บางทีตอนผมมาตรงนี้, เวกเตอร์ดู 00:07:41.420 --> 00:07:42.280 หน้าตาแบบนี้ 00:07:42.280 --> 00:07:44.910 บางทีตอนผมไปตรงนี้, เวกเตอร์หน้าตาเป็นแบบนี้ 00:07:44.910 --> 00:07:47.560 บางทีตอนผมไปตรงนี้, เวกเตอร์เป็นแบบนี้ 00:07:47.560 --> 00:07:50.350 และบางทีตอนผมไปถึงตรงนี้, เวกเตอร์ไปแบบนั้น 00:07:50.350 --> 00:07:52.320 ผมแค่เลือกจุดขึ้นมาสุ่ม ๆ 00:07:52.320 --> 00:07:57.090 มันจะตั้งเวกเตอร์บนพิกัด x, y ทั้งหมด โดย 00:07:57.090 --> 00:08:00.920 ฟังก์ชันสเกลาร์พวกนี้ถูกนิยามไว้ชัดเจน 00:08:00.920 --> 00:08:02.370 และนั่นคือสาเหตุที่มันถูกเรียกว่า สนามเวกเตอร์ 00:08:02.370 --> 00:08:06.580 มันนิ่ยามสิ่งที่ แรงศักย์ จะเป็น, 00:08:06.580 --> 00:08:11.430 หรือแรงประเภทอื่น ๆ, ณ จุดใด ๆ 00:08:11.430 --> 00:08:14.350 ที่จุดใด ๆ, หากคุณมีอะไรสักอย่างตรงนั้น 00:08:14.350 --> 00:08:15.900 บางทีนั่นคือสิ่งที่ฟังก์ชันเป็น 00:08:15.900 --> 00:08:17.750 ผมสามารถทำแบบนี้ไปตลอด, 00:08:17.750 --> 00:08:18.790 และเติมเต็มที่ว่างทั้งหมด 00:08:18.790 --> 00:08:19.660 แต่ผมว่าคุณคงเข้าใจแล้ว 00:08:19.660 --> 00:08:24.790 มันจับคู่เวกเตอร์เข้ากับทุกจุดบนระนาบ x-y 00:08:24.790 --> 00:08:29.010 ทีนี้, นี่เรียกว่าสนามเวกเตอร์, ดังนั้นก็เข้าใจได้ 00:08:29.010 --> 00:08:30.950 ว่านี่สามารถใช้บรรยาย 00:08:30.950 --> 00:08:31.870 สนามได้ทุกประเภท 00:08:31.870 --> 00:08:33.410 มันอาจเป็นสนามโน้มถ่วงก็ได้ 00:08:33.410 --> 00:08:36.840 มันอาจเป็นสนามไฟฟ้า, อาจเป็นสนามเหล็ก 00:08:36.840 --> 00:08:39.630 และนี่อาจบอกคุณว่ามีแรง 00:08:39.630 --> 00:08:43.190 กระทำต่ออนุภาคในสนามนั้นเท่าไหร่ 00:08:43.190 --> 00:08:44.660 นั่นคือสิ่งนี้กำลังบรรยายอยู่ 00:08:44.660 --> 00:08:48.950 ตอนนี้, สมมุติว่าในสนามนี้, ผมมีอนุภาค 00:08:48.950 --> 00:08:51.610 เคลื่อนที่ไปในระนาบ x-y 00:08:51.610 --> 00:08:58.620 สมมุติว่ามันเริ่มตรงนี้, และเนื่องจากแรงเพี้ยน ๆ พวกนี้ 00:08:58.620 --> 00:09:03.850 กระทำต่อมัน, หรือบางทีมันอยู่ในราง 00:09:03.850 --> 00:09:06.900 หรืออะไรสักอย่าง, มันไม่ต้องเคลื่อนที่ไป 00:09:06.900 --> 00:09:09.360 ตามทิศของสนามที่กระทำต่อมันเสมอไป 00:09:09.360 --> 00:09:14.030 สมมุติว่ามันเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เคลื่อนไปแบบนี้ 00:09:14.030 --> 00:09:17.710 สมมุติว่าเส้นทางนี้, หรือเส้นโค้งนี้, บรรยายได้ 00:09:17.710 --> 00:09:22.010 ด้วยฟังก์ชันเวกเตอร์ตำแหน่ง 00:09:22.010 --> 00:09:25.150 งั้นสมมุติว่านั่นนิยามด้วย r ของ t, หรือก็ 00:09:25.150 --> 00:09:33.780 คือ x ของ t คูณ i บวก y ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย j 00:09:33.780 --> 00:09:35.130 นั่นคือ r ของ t ตรงนี้ 00:09:35.130 --> 00:09:37.730 ทีนี้, ในการทำให้นี่เป็นเส้นทางจำกัด, มันจะเป็น 00:09:37.730 --> 00:09:42.370 เช่นนั้นก่อน t มากกว่าเท่ากับ a, และน้อยกว่า 00:09:42.370 --> 00:09:45.640 เท่ากับ b 00:09:45.640 --> 00:09:47.830 นี่คือเส้นทางที่อนุภาคจะ 00:09:47.830 --> 00:09:50.370 เคลื่อนไป, เนื่องจากแรงพวกนี้ 00:09:50.370 --> 00:09:54.270 เมื่ออนุภาคอยู่ตรงนี้, บางทีสนามเวกเตอร์ 00:09:54.270 --> 00:09:56.960 ที่กระทำต่อมัน, บางทีมันอาจให้แรงแบบนั้น 00:09:56.960 --> 00:09:59.520 แต่เนื่องจากสิ่งนี้อยู่บนรางสักอย่าง, มันจะ 00:09:59.520 --> 00:10:00.400 เคลื่อนที่ไปในทิศนั้น 00:10:00.400 --> 00:10:03.830 แล้วเมื่อมันอยู่ตรงนี้, บางทีสนามเวกเตอร์เป็นแบบนั้น, 00:10:03.830 --> 00:10:05.740 แต่มันเคลื่อนที่ไปอีกทิศนึง, เพราะมันอยู่ 00:10:05.740 --> 00:10:06.940 บนรางสักอย่าง 00:10:06.940 --> 00:10:09.500 ตอนนี้, ทุกอย่างที่ผมทำมาในวิดีโอนี้ เพื่อตั้ง 00:10:09.500 --> 00:10:11.180 คำถามพื้น ๆ ข้อนึง 00:10:11.180 --> 00:10:13.910 นั่นคือ งานที่กระทำต่ออนุภาคโดยสนามนั้นเป็นเท่าไหร่? 00:10:13.910 --> 00:10:24.960 - 00:10:24.960 --> 00:10:28.620 เพื่อตอบคำถามนั้น, เราลองขยายเข้าไปหน่อย 00:10:28.620 --> 00:10:31.100 ผมจะขยายเข้าไปตรงส่วนเล็ก ๆ 00:10:31.100 --> 00:10:34.710 ของเส้นทางเรา 00:10:34.710 --> 00:10:38.010 และลองหาว่างานที่กระทำใน 00:10:38.010 --> 00:10:40.470 ช่วงเล็ก ๆ ของเส้นทาง, เพราะมันเปลี่ยนไปสม่ำเสมอ 00:10:40.470 --> 00:10:42.190 สนามมีทิศเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ 00:10:42.190 --> 00:10:43.630 วัตถุก็เปลี่ยนทิศไปเรื่อย ๆ 00:10:43.630 --> 00:10:47.780 งั้นสมมุติว่าตอนผมอยู่ตรงนี้, สมมุติว่าผมเคลื่อนที่ 00:10:47.780 --> 00:10:49.740 ไปได้นิดเดียวตามทาง 00:10:49.740 --> 00:10:55.860 สมมุติว่าผมเคลื่อนที่, นี่เป็น dr 00:10:55.860 --> 00:10:58.500 เล็กจิ๋ว, จริงไหม? 00:10:58.500 --> 00:11:00.810 ผมมีดิฟเฟอเรนเชียล, มันคือเวกเตอร์ดิฟเฟอเรนเชียล, การ 00:11:00.810 --> 00:11:02.630 กระจัดเล็กจิ๋ว 00:11:02.630 --> 00:11:06.800 และสมมุติว่าตลอดช่วงนั้น, สนามเวกเตอร์ 00:11:06.800 --> 00:11:08.840 กำลังกระทำกับพื้นที่ท้องถิ่นนี้, สมมุติว่ามัน 00:11:08.840 --> 00:11:10.480 หน้าตาแบบนั้น 00:11:10.480 --> 00:11:13.490 มันกำลังให้แรงที่ดูเป็นแบบนั้น 00:11:13.490 --> 00:11:16.640 ดังนั้นนั่นคือเวกเตอร์สนามในพื้นที่นั้น, หรือแรง 00:11:16.640 --> 00:11:18.750 ชี้ไปยังอนุภาคตรงนี้มันอยู่ ณ จุดนั้น 00:11:18.750 --> 00:11:18.870 จริงไหม? 00:11:18.870 --> 00:11:22.420 มันคือช่วงเล็กจิ๋วในสเปซ 00:11:22.420 --> 00:11:24.440 คุณอาจบอกว่า, โอเค, ตลอดช่วงเล็กจิ๋วนั่น, เรา 00:11:24.440 --> 00:11:26.600 บอกว่านี่เป็นแรงคงที่ 00:11:26.600 --> 00:11:29.790 งานที่ทำตลอดช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เป็นเท่าไหร่? 00:11:29.790 --> 00:11:32.330 คุณก็บอกว่า, งานช่วงเล็ก ๆ คืออะไร? 00:11:32.330 --> 00:11:36.120 คุณอาจบอกว่า d งาน, หรือดิฟเฟอเรนเชียลของงาน 00:11:36.120 --> 00:11:38.940 ด้วยตรรกะเดียวกันที่เราทำกับโจทย์ง่าย ๆ 00:11:38.940 --> 00:11:43.810 มันคือขนาดของแรงในทิศของ 00:11:43.810 --> 00:11:48.550 การกระจัดคูณขนาดของการกระจัด 00:11:48.550 --> 00:11:52.800 และเรารู้ว่ามันคืออะไร, จากตัวอย่างข้างบนนี้ 00:11:52.800 --> 00:11:54.810 นั่นคือดอทโปรดัค 00:11:54.810 --> 00:11:58.340 มันคือดอทโปรดัคของแรงกับการกระจัดเล็กจิ๋ว 00:11:58.340 --> 00:11:59.480 ของเรา 00:11:59.480 --> 00:12:07.860 ดังนั้นมันเท่ากับดอทโปรดัคของแรงเรากับ 00:12:07.860 --> 00:12:09.870 การกระจัดเล็กจิ๋ว 00:12:09.870 --> 00:12:13.240 ทีนี้, ด้วยการทำเช่นนี้, เราเพิ่งหาได้ว่างาน 00:12:13.240 --> 00:12:16.440 ตลอดช่วง dr ที่เล็กสุด ๆๆๆ ไป แต่ 00:12:16.440 --> 00:12:18.820 ที่เราอยากทำคือ เราอยากรวมพวกมันเข้า 00:12:18.820 --> 00:12:21.870 เราอยากรวม dr ทั้งหมดเพื่อหา f ดอท 00:12:21.870 --> 00:12:25.090 dr ทั้งหมด เพื่อหางานลัพธ์ 00:12:25.090 --> 00:12:27.510 และนั่นคือที่ที่อินทิกรัลเข้ามา 00:12:27.510 --> 00:12:32.570 เราจะหาอินทิกรัลเส้นตลอด -- ผมหมายถึง, คุณอาจ 00:12:32.570 --> 00:12:33.910 คิดได้สองแบบ 00:12:33.910 --> 00:12:37.440 คุณอาจเขียน d ดอท w ตรงนี้, แต่เราอาจบอกว่า, เราจะ 00:12:37.440 --> 00:12:42.700 หาอินทิกรัลเส้นตลอดเส้นโค้ง c นี่, เรียกมันว่า c 00:12:42.700 --> 00:12:46.410 หรือตาม r, อะไรก็ได้ที่คุณอยากเรียก, ของ dw 00:12:46.410 --> 00:12:47.800 นั่นจะให้งานรวมกับเรา 00:12:47.800 --> 00:12:49.500 งั้นสมมุติว่า, งานเท่ากับอันนั้น 00:12:49.500 --> 00:12:54.040 หรือเราอาจเขียนมันตลอดอินทิกรัล, ตลอด 00:12:54.040 --> 00:13:00.500 เส้นโค้งของ f ของ f ดอท dr 00:13:00.500 --> 00:13:03.580 และนี่อาจดู, คุณก็รู้, นี่มัน 00:13:03.580 --> 00:13:05.120 ดูนามธรรมมากเลยนะ ซาล 00:13:05.120 --> 00:13:09.220 เราจะคำนวณอะไรแบบนี้จริง ๆ ได้ไง? 00:13:09.220 --> 00:13:13.130 ได้สิ เพราะเรามีทุกอย่างเขียนได้ 00:13:13.130 --> 00:13:14.030 ในรูปของ t 00:13:14.030 --> 00:13:16.130 แล้วเราจะได้นี่ในรูปของ t ได้อย่างไร? 00:13:16.130 --> 00:13:19.710 และหากคุณคิดดูดี ๆ, f ดอท r คืออะไร? 00:13:19.710 --> 00:13:21.030 หรือ f ดอท dr คืออะไร? 00:13:21.030 --> 00:13:23.300 ที่จริง, ในการตอบคำถามนั้น, ลองนึกดูว่า 00:13:23.300 --> 00:13:25.830 dr เป็นอย่างไร 00:13:25.830 --> 00:13:36.200 หากคุณจำได้, dr/dt เท่ากับ x ไพรม์ของ t, ผมจะเขียน 00:13:36.200 --> 00:13:39.120 มันเเป็น, ผมสามารถเขียน dx dt หากผมต้องการ, คูณ 00:13:39.120 --> 00:13:45.180 เวกเตอร์หน่วย i, บวก y ไพรม์ของ t, คูณเวกเตอร์หน่วย j 00:13:45.180 --> 00:13:49.320 และหากเราอยากได้ dr, เราก็คูณทั้งสองข้าง 00:13:49.320 --> 00:13:51.850 หากเราเล่นกลสักหน่อยกับ 00:13:51.850 --> 00:13:53.470 ดิฟเฟอเรนเชียล, ไม่เข้มงวดเกินไป 00:13:53.470 --> 00:13:58.480 เราจะได้ dr เท่ากับ x ไพรม์ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย 00:13:58.480 --> 00:14:05.070 i บวก y ไพรม์ของ t คูณเวกเตอร์หน่วย j 00:14:05.070 --> 00:14:07.280 คุณดิฟเฟอเรนเชียล dt 00:14:07.280 --> 00:14:09.070 งั้นนี่คือ dr ตรงนี้ 00:14:09.070 --> 00:14:12.110 - 00:14:12.110 --> 00:14:16.280 และจำไว้ว่าสนามเวกเตอร์เราคืออะไร 00:14:16.280 --> 00:14:17.440 มันคือสิ่งนี้บนนี้ 00:14:17.440 --> 00:14:19.590 ขอผมลอกและแปะไว้ตรงนี้นะ 00:14:19.590 --> 00:14:21.030 เราจะเห็นเองว่าดอทโปรดัค 00:14:21.030 --> 00:14:23.360 ไม่ได้แย่นัก 00:14:23.360 --> 00:14:26.710 งั้นลอก, และขอผมแปะมันข้างล่างตรงนี้นะ 00:14:26.710 --> 00:14:31.130 - 00:14:31.130 --> 00:14:33.820 แล้วอินทิกรัลนี้จะออกมาเป็นอย่างไร? 00:14:33.820 --> 00:14:37.600 อินทิกรัลนี่ตรงนี้, นั่นบอกงานรวมที่ทำโดย 00:14:37.600 --> 00:14:40.790 สนาม, ต่ออนุภาค, เมื่อมันเคลื่อนที่ตามเส้นทางนั่น 00:14:40.790 --> 00:14:44.090 แค่หลักพื้นฐานถึงฟิสิกส์จริง ๆ 00:14:44.090 --> 00:14:47.170 ที่คุณอาจต้องทำในที่สุด 00:14:47.170 --> 00:14:48.170 คุณอาจบอกว่า, โอ้ 00:14:48.170 --> 00:14:52.420 มันจะต้องเป็นอินทิกรัล, สมมุติว่าจาก t เท่ากับ 00:14:52.420 --> 00:14:55.320 a ถึง t เท่ากับ b 00:14:55.320 --> 00:14:58.310 จริงไหม? a คือตอนที่เราเริ่มต้น, t เท่ากับ 00:14:58.310 --> 00:14:59.790 a ถึง t เท่ากับ b 00:14:59.790 --> 00:15:01.760 คุณอาจนึกว่ามันคือเวลา, เมื่ออนุภาค 00:15:01.760 --> 00:15:03.610 เคลื่อนที่, เวลาก็เริ่มเดิน 00:15:03.610 --> 00:15:07.000 แล้ว f ดอท dr คืออะไร? 00:15:07.000 --> 00:15:10.640 ทีนี้, หากคุณจำไว้ว่าดอทโปรดัคคืออะไร, คุณก็ 00:15:10.640 --> 00:15:15.310 แค่หาผลคูณระหว่างองค์ประกอบ 00:15:15.310 --> 00:15:17.740 คู่กันของเวกเตอร์ แล้วจับมันรวมกัน 00:15:17.740 --> 00:15:20.070 ดังนั้น นี่จะเท่ากับอินทิกรัลจาก t เท่ากับ a ถึง t 00:15:20.070 --> 00:15:27.246 เท่ากับ b, ของ p ของ p ของ x, ที่จริง แทนที่จะเขียน x, 00:15:27.246 --> 00:15:30.740 y, มันคือ x ของ t, จริงไหม? x เป็นฟังก์ชันของ t, y เป็น 00:15:30.740 --> 00:15:32.350 ฟังก์ชันของ t 00:15:32.350 --> 00:15:33.690 เลยเป็นแบบนั้น 00:15:33.690 --> 00:15:37.600 คูณด้วยสิ่งนี่ตรงนี้, คูณองค์ประกอบนี้, จริงไหม? 00:15:37.600 --> 00:15:39.300 เรากำลังคูณองค์ประกอบ i อยู่ 00:15:39.300 --> 00:15:50.650 งั้นคูณ x ไพรม์ของ t d t, แล้วก็บวก, เราจะ 00:15:50.650 --> 00:15:52.370 ทำเหมือนกันกับฟังก์ชัน q 00:15:52.370 --> 00:15:56.060 ดังนั้นนี่คือ q บวก, ผมจะไปอีกบรรทัดนึงนะ 00:15:56.060 --> 00:15:57.760 หวังว่าคุณคงรู้ว่าผมยังเขียนต่ออยู่ 00:15:57.760 --> 00:15:59.020 แต่ผมไม่มีที่แล้ว 00:15:59.020 --> 00:16:09.960 บวก q ของ x ของ t, y ของ t, คูณองค์ประกอบของ dr เรา 00:16:09.960 --> 00:16:11.900 คูณองค์ประกอบ y, หรือ องค์ประกอบ j 00:16:11.900 --> 00:16:15.530 y ไพรม์ของ t dt 00:16:15.530 --> 00:16:16.620 แล้วก็เสร็จ! 00:16:16.620 --> 00:16:17.480 เสร็จแล้ว 00:16:17.480 --> 00:16:19.300 นี่อาจดูนามธรรมไปหน่อย, แต่เราจะ 00:16:19.300 --> 00:16:23.020 เห็นในวิดีโอหน้า, ว่าทุกอย่างตอนนี้อยู่ในรูปของ 00:16:23.020 --> 00:16:25.480 t, นี่ก็จะเป็นการอินทิเกรตตรง ๆ 00:16:25.480 --> 00:16:27.170 เทียบกับ dt 00:16:27.170 --> 00:16:30.150 หากเราต้องการ, เราสามารถเอา dt ออกจากสมการ 00:16:30.150 --> 00:16:32.270 และมันจะอยู่ปกติกว่าเดิม 00:16:32.270 --> 00:16:34.640 แต่ที่สุดแล้วนี่คือทั้งหมดที่เราต้องทำ 00:16:34.640 --> 00:16:38.080 และเราจะดูตัวอย่างจริง ๆ ในการหา 00:16:38.080 --> 00:16:43.230 อินทิกรัลเส้นตามสนามเวกเตอร์, หรือใช้ฟังก์ชัน 00:16:43.230 --> 00:16:45.790 เวกเตอร์นี้, ในวิดีโอหน้า 00:16:45.790 --> 00:16:46.000 -