1 00:00:07,244 --> 00:00:08,882 ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 2 00:00:08,882 --> 00:00:11,674 ชาวอิตาเลียนต่างต้องมนต์สะกด ของนักร้องชายพวกหนึ่ง 3 00:00:11,674 --> 00:00:14,136 ที่สามารถร้องเสียงช่วงกว้างได้อย่างน่าทึ่ง 4 00:00:14,136 --> 00:00:17,192 ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีใครคิดว่า จะมีผู้ชายคนไหนทำได้ 5 00:00:17,192 --> 00:00:19,961 อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าพรสวรรค์นั้นจะมาฟรี ๆ 6 00:00:19,961 --> 00:00:22,045 เพื่อป้องกันการแตกของเสียง 7 00:00:22,045 --> 00:00:25,097 นักร้องเหล่านี้ถูกทำหมัน ก่อนที่จะเจริญเป็นหนุ่ม 8 00:00:25,097 --> 00:00:28,830 นั่นเป็นการหยุดกระบวนการของฮอร์โมน ที่ทำให้เสียงของเขาทุ้มต่ำ 9 00:00:28,830 --> 00:00:33,791 กลุ่มแคสทราติ ผู้มีเสียงใสราวกับทูตสวรรค์ จึงโด่งดังไปทั่วยุโรป 10 00:00:33,791 --> 00:00:39,283 จนกระทั่งวิธีการโหดร้ายที่ใช้กันนี้ ถูกกำหนดว่าผิดกฎหมายในช่วงยุค 1800 11 00:00:39,283 --> 00:00:43,483 ถึงแม้ว่าการปรับแต่งให้มีเสียงนี้จะทำให้ มนุษย์ร้องเพลงได้ในช่วงกว้างอย่างน่าทึ่ง 12 00:00:43,483 --> 00:00:48,347 เสียงที่พัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ ก็สามารถเปล่งออกมาได้อย่างหลากหลาย 13 00:00:48,347 --> 00:00:54,734 เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงสองอย่าง ที่ส่งผลต่อเสียง 14 00:00:54,734 --> 00:01:00,529 แล้วกล่องเสียงของเราทำงานอย่างไร อะไรกันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียง 15 00:01:00,529 --> 00:01:05,586 เสียงพูดจำเพาะเป็นผลมาจาก ความหลากหลายทางกายภาพ 16 00:01:05,586 --> 00:01:09,631 แต่ส่วนใหญ่ มันขึ้นอยู่กับ อายุและสุขภาพของเส้นเสียง 17 00:01:09,631 --> 00:01:12,227 และขนาดของกล่องเสียง 18 00:01:12,227 --> 00:01:16,237 กล่องเสียงประกอบด้วย กล้ามเนื้อและกระดูกอ่อน 19 00:01:16,237 --> 00:01:18,865 ที่ค้ำจุนและขยับเส้นเสียง 20 00:01:18,865 --> 00:01:22,814 หรือที่เรียกกันว่า หลอดเสียง 21 00:01:22,814 --> 00:01:25,857 กล้ามเนื้อทั้งสองระหว่างต่อมไทรอยด์ และกระดูกอ่อนอาริทินอยด์ 22 00:01:25,857 --> 00:01:31,636 ถูกขึงเป็นม่านยางยืด ที่เปิดหรือปิดหลอดลม 23 00:01:31,636 --> 00:01:34,575 ท่อที่นำอากาศผ่านช่องคอลงมา 24 00:01:34,575 --> 00:01:36,804 ร่องนั้นแยกจากกันเมื่อเราหายใจเข้า 25 00:01:36,804 --> 00:01:39,136 แต่เมื่อเราพูด มันถูกปิด 26 00:01:39,136 --> 00:01:42,497 ปอดของเราดันอากาศต้านช่องปิดนั้น 27 00:01:42,497 --> 00:01:46,481 เป่าให้มันเปิดออก และทำให้เนื้อเยื่อสั่นเกิดเป็นเสียง 28 00:01:46,481 --> 00:01:50,279 ต่างกับการเล่นเครื่องดนตรี ที่เราต้องใช้สมาธิจดจ่อ 29 00:01:50,279 --> 00:01:53,561 เราเปลี่ยนระดับเสียงขณะพูดได้ดั่งใจ 30 00:01:53,561 --> 00:01:55,440 โดยการดันอากาศให้เร็วขึ้นหรือข้าลง 31 00:01:55,440 --> 00:01:58,919 เราเปลี่ยนความถี่และช่วงคลื่น ของการสั่นเหล่านี้ 32 00:01:58,919 --> 00:02:03,070 ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูงต่ำ และความดังของเสียง 33 00:02:03,070 --> 00:02:07,605 การสั่นที่รวดเร็วและไม่มาก ทำให้เกิดเสียงสูง เสียงไม่ดัง 34 00:02:07,605 --> 00:02:12,743 ในขณะที่การสั่นช้า ๆ เป็นช่วงกว้าง ทำให้เกิดเสียงที่คำรามที่ทุ้มลึก 35 00:02:12,743 --> 00:02:16,339 และการเคลื่อนกล้ามเนื้อกล่องเสียง ระหว่างกระดูกอ่อน 36 00:02:16,339 --> 00:02:19,104 ทำให้เราสามารถยืดและหดร่องเหล่านั้น 37 00:02:19,104 --> 00:02:22,644 เพื่อกำกับการเล่นอวัยวะ เครื่องดนตรีของเราเอง 38 00:02:22,644 --> 00:02:26,483 กระบวนการนี้เหมือนกันหมด ตั้งแต่คุณเปล่งเสียงคำแรกจนคำสุดท้าย 39 00:02:26,483 --> 00:02:29,466 แต่เมื่อคุณอายุมากขึ้น กล่องเสียงของคุณก็แก่ตัวลงเช่นกัน 40 00:02:29,466 --> 00:02:32,776 ระหว่างช่วงเป็นหนุ่มสาว การเปลี่ยนแปลงแรกก็คือ 41 00:02:32,776 --> 00:02:35,477 เสียงของคุณต่ำลง 42 00:02:35,477 --> 00:02:38,656 มันเกิดขึ้นเมื่อกล่องเสียงของคุณ มีขนาดใหญ่ขึ้น 43 00:02:38,656 --> 00:02:43,556 ทำให้เส้นเสียงที่ยาวขึ้น และมีพื้นที่ให้มันสั่นได้มากขึ้น 44 00:02:43,556 --> 00:02:47,437 ร่องที่ยาวขึ้นนี้เอง ทำให้การสั่นช้าลงและมีช่วงกว้างขึ้น 45 00:02:47,437 --> 00:02:50,649 ซึ่งเป็นผลให้ระดับเสียงต่ำลง 46 00:02:50,649 --> 00:02:53,307 การเปลี่ยนแปลงนี้ชัดเจนในผู้ชายส่วนใหญ่ 47 00:02:53,307 --> 00:02:57,053 ที่มีปริมาณเทสโทสเตอโรนสูง ซึ่งตอนแรกทำให้เสียงแตก 48 00:02:57,053 --> 00:03:00,167 และจากนั้นก็ทำให้เสียงต่ำลง ก้องดังมากขึ้น 49 00:03:00,167 --> 00:03:04,258 ส่วนที่ยื่นออกมาของกล่องเสียง เรียกว่าลูกกระเดือก 50 00:03:04,258 --> 00:03:06,793 การเปลี่ยนแปลงทางเสียงอื่น ๆ ระหว่างเป็นหนุ่มสาว 51 00:03:06,793 --> 00:03:09,714 เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อปกคลุมร่อง ที่เคยมีลักษณะเหมือน ๆ กัน 52 00:03:09,714 --> 00:03:13,625 เปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อสามแบบ ได้แก่ 53 00:03:13,625 --> 00:03:15,121 กล้ามเนื้อส่วนกลาง 54 00:03:15,121 --> 00:03:19,713 ชั้นคอลลาเจนหนาที่ถูกพันรอบ ด้วยใยอิลาสติกที่ยืดได้ 55 00:03:19,713 --> 00:03:23,143 และส่วนนอกที่เป็นเยื่อเมือก 56 00:03:23,143 --> 00:03:25,924 ชั้นเหล่านั้นสร้างความแตกต่างและความลึก ให้กับเสียง 57 00:03:25,924 --> 00:03:30,763 ทำให้การสั่นมีเอกลักษณ์ ต่างจากเสียงที่เรามีมาแต่แรก 58 00:03:30,763 --> 00:03:35,587 หลังจากพ้นวัยหนุ่มสาว คนส่วนใหญ่ ก็จะมีเสียงคงที่ไปแบบนั้น 59 00:03:35,587 --> 00:03:37,713 เป็นเวลาประมาณ 50 ปี 60 00:03:37,713 --> 00:03:39,633 เราใช้เสียงต่างกัน 61 00:03:39,633 --> 00:03:44,440 แต่ท้ายที่สุด เราก็มีอาการกล่องเสียงแก่ด้วยกันทุกคน 62 00:03:44,440 --> 00:03:45,928 ซึ่งเรียกว่า เพรสไบโฟเนีย 63 00:03:45,928 --> 00:03:48,997 เริ่มแรก คอลลาเจนในเส้นเสียงของเรา แข็งตัวกว่าเดิม 64 00:03:48,997 --> 00:03:52,717 และใยอิลาสติกที่อยู่รอบ ๆ ก็ฝ่อและสลาย 65 00:03:52,717 --> 00:03:57,809 ความยืดหยุ่นที่ลดลงนี้ ทำให้เสียของคนแก่สูงขึ้น 66 00:03:57,809 --> 00:04:01,220 แต่สำหรับคนที่ได้รับผลกระทบของฮอร์โมน ช่วงที่หมดประจำเดือน 67 00:04:01,220 --> 00:04:06,634 ระดับเสียงที่สูงขึ้นจะถูกต้าน และกลบด้วยผลจากเส้นเสียงที่โป่ง 68 00:04:06,634 --> 00:04:13,324 มวลของเส้นเสียงที่มากขึ้น ทำให้มันสั่นช้าลง เกิดเสียงที่ทุ้มขึ้น 69 00:04:13,324 --> 00:04:15,397 นอกจากนี้ยังมีผลมาจาก 70 00:04:15,397 --> 00:04:18,735 ปลายประสาทกล่องเสียง ที่ไม่สมบูรณ์เท่าเดิม 71 00:04:18,735 --> 00:04:23,996 ซึ่งทำให้การควบคุมขาดความแม่นยำ และเกิดเสียงแหบและมีลม 72 00:04:23,996 --> 00:04:28,186 ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเหล่านี้ เป็นเพียงปัจจัยบางส่วน 73 00:04:28,186 --> 00:04:30,072 ที่อาจส่งผลต่อเสียงของคุณ 74 00:04:30,072 --> 00:04:31,791 แต่ถ้าเราดูแลกล่องเสียงให้ดี 75 00:04:31,791 --> 00:04:34,596 มันก็จะเป็นเครื่องดนตรี ที่ถูกปรับไว้อย่างละเอียด 76 00:04:34,596 --> 00:04:36,669 ที่สามารถกำกับทำนองอุปรากร 77 00:04:36,669 --> 00:04:38,091 บทพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ 78 00:04:38,091 --> 00:04:39,626 และการบรรยายที่เร้าความรู้สึก