WEBVTT 00:00:14.324 --> 00:00:15.986 สวัสดี มนุษย์โลก 00:00:15.986 --> 00:00:17.695 ผมชื่อ แมท 00:00:17.695 --> 00:00:19.450 และในอีกไม่กี่อึดใจ 00:00:19.450 --> 00:00:21.945 คุณจะต้องฟังที่ผมพูด 00:00:21.945 --> 00:00:24.715 ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า 00:00:24.715 --> 00:00:27.116 ขอโทษครับ ผมล้อเล่นนะ 00:00:29.458 --> 00:00:31.735 นี่เป็นเสียงปกติของผมครับ 00:00:31.735 --> 00:00:32.884 คุณเคยปฎิบัติตามคำแนะนำ 00:00:32.884 --> 00:00:36.070 จากเสียงปริศนาจากคอมพิวเตอร์มาก่อนไหมครับ 00:00:36.070 --> 00:00:38.281 ไม่เคยหรือ ดีเลยครับ 00:00:38.281 --> 00:00:40.227 ผมอยากจะทดลองอะไรกับคุณ 00:00:40.227 --> 00:00:42.411 แต่ผมบอกรายละเอียดของการทดลองไม่ได้ 00:00:42.411 --> 00:00:43.488 เพราะว่าถ้าบอกไปแล้ว 00:00:43.488 --> 00:00:44.800 มันจะไม่ได้ผล 00:00:44.800 --> 00:00:46.706 คุณต้องเชื่อใจผมนะ 00:00:46.706 --> 00:00:49.051 แล้วมันจะกระจ่างเอง 00:00:49.051 --> 00:00:50.467 หวังว่านะ 00:00:50.467 --> 00:00:51.621 ถ้าคุณกำลังนั่งอยู่ 00:00:51.621 --> 00:00:54.436 ยืนขึ้นจากเก้าอี้ และถอยหลังไปครับ 00:00:54.436 --> 00:00:56.522 เดี๋ยวผมจะให้คุณหมุนไปมา 00:00:56.522 --> 00:00:59.181 ดังนั้น หาที่ว่างให้ตัวเองนะครับ 00:00:59.181 --> 00:01:01.179 ต้องย้ายเครื่องเรือนหรือครับ 00:01:01.179 --> 00:01:02.305 เอาเลยครับ 00:01:02.305 --> 00:01:03.008 ผมจะรอ 00:01:04.808 --> 00:01:05.880 พอผมนับถึงสาม 00:01:05.880 --> 00:01:08.408 คุณเริ่มกระโดดขาเดียวนะครับ 00:01:08.408 --> 00:01:10.433 พร้อมหรือยังครับ 00:01:10.433 --> 00:01:11.478 หนึ่ง 00:01:11.478 --> 00:01:12.808 สอง 00:01:12.808 --> 00:01:13.811 สาม 00:01:13.811 --> 00:01:14.696 โดด 00:01:14.696 --> 00:01:15.521 โดด 00:01:15.521 --> 00:01:16.104 โดด 00:01:16.104 --> 00:01:17.567 โดด 00:01:17.567 --> 00:01:19.015 โดด 00:01:19.015 --> 00:01:20.267 เยี่ยมครับ 00:01:20.267 --> 00:01:22.111 ทีนี้ ระหว่างที่คุณกระโดดอยู่ 00:01:22.111 --> 00:01:25.020 ผมอยากจะให้คุณเห่าเหมือนสุนัขไปด้วย 00:01:25.020 --> 00:01:26.450 โฮ่ง โฮ่ง 00:01:26.450 --> 00:01:27.733 โฮ่ง โฮ่ง 00:01:27.733 --> 00:01:29.619 โฮ่ง โฮ่ง 00:01:29.619 --> 00:01:31.765 ว้าว เหมือนใช้ได้เลย 00:01:31.765 --> 00:01:33.080 อีกหน่อยครับ 00:01:33.080 --> 00:01:35.798 โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง 00:01:35.798 --> 00:01:37.071 และสาม 00:01:37.071 --> 00:01:37.938 สอง 00:01:37.938 --> 00:01:38.843 หนึ่ง 00:01:38.843 --> 00:01:40.130 หยุด 00:01:40.130 --> 00:01:42.590 เชิญทำตัวตามสบายและนั่งลงได้ครับ 00:01:42.590 --> 00:01:45.083 ทีนี้ ผมอยากให้คุณคิดว่าเวลาผ่านไปเท่าไร 00:01:45.083 --> 00:01:46.765 ระหว่างที่ผมบอกว่า เริ่ม 00:01:46.765 --> 00:01:48.606 และคุณเริ่มที่จะกระโดดขาเดียว 00:01:48.606 --> 00:01:50.433 จนถึงตอนที่ผมบอกว่า หยุด 00:01:50.433 --> 00:01:51.835 ลองเดาดูครับ 00:01:51.835 --> 00:01:55.523 ผมอยากได้คำตอบเป็นชัดๆเป็นตัวเลขวินาทีหรือนาที 00:01:55.523 --> 00:01:58.105 เอาล่ะครับ เอากระดาษปากกามา เขียนเลขลงไป 00:01:59.520 --> 00:02:00.875 เสร็จหรือยังครับ 00:02:00.875 --> 00:02:04.529 เวลาที่ถูกต้องคือ 26 วินาที 00:02:04.529 --> 00:02:06.083 คุณคาดไว้เกินความจริงหรือเปล่าครับ 00:02:06.083 --> 00:02:07.993 เป็นไปได้ครับว่าจะเป็นเช่นนั้น 00:02:07.993 --> 00:02:10.102 แล้ว อะไรเป็นสาเหตุของปัญหานี้ล่ะ 00:02:10.102 --> 00:02:12.637 นี่เป็นเพราะว่า การรับรู้ระยะของเวลา (time perception) 00:02:12.637 --> 00:02:16.005 ถึงแม้ว่าเราจะสามารถคาดคะเนเวลา ได้อย่างแม่นยำอย่างน่าตกใจ 00:02:16.005 --> 00:02:19.001 เมื่อเราเจออะไรใหม่ๆ ไม่ปกติ หรือ มีการเคลื่อนไหว 00:02:19.001 --> 00:02:20.254 เช่นกระโดดขาเดียว 00:02:20.254 --> 00:02:23.455 ระหว่างที่ทำตามคำแนะนำจากเสียงคอมพิวเตอร์ 00:02:23.455 --> 00:02:25.916 หรือว่า กระโดดออกจากเครื่องบิน 00:02:25.916 --> 00:02:29.178 คุณมักจะคำนวณพลาดว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว 00:02:29.178 --> 00:02:31.416 ซึ่งหมายความว่า ถ้าคุณกระโดดบันจี้เป็นครั้งแรก 00:02:31.416 --> 00:02:35.096 การการดิ่งสู่เบื้องล่างอาจเหมือนใช้เวลาราวสัก 10 วินาที 00:02:35.096 --> 00:02:37.270 ทั้งที่เวลาที่บันทึกไว้จริงๆนั้นแสดงให้เห็น 00:02:37.270 --> 00:02:39.836 ว่าการกระโดดนั้น ใช้เวลาแค่ 5 วินาที 00:02:39.836 --> 00:02:41.821 สาเหตุสำหรับความแตกต่างนี้ คือ 00:02:41.821 --> 00:02:43.943 ไม่เหมือนกับร่างกายของคุณที่ตกลงไปยังด้านล่าง 00:02:43.943 --> 00:02:46.370 การรับรู้เรื่องระยะเวลาของสมองของคุณนั้น 00:02:46.370 --> 00:02:49.117 ไม่ได้เป็นเส้นตรงลากระหว่างจุดสองจุด 00:02:49.117 --> 00:02:50.480 นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า 00:02:50.480 --> 00:02:52.660 สมองของคุณติดตามรับรู้การเปลี่ยนแปลงเวลาเป็นเส้นโค้ง 00:02:52.660 --> 00:02:54.683 ซึ่งมันขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูล 00:02:54.683 --> 00:02:57.346 ที่คุณรับรู้ระหว่างตกลงไปด้านล่าง 00:02:57.346 --> 00:02:59.125 ตัวอย่างเช่น เดวิด อีเกอร์แมน (David Eagleman) 00:02:59.125 --> 00:03:01.710 นักประสาทวิทยา จาก Baylor College of Medicine 00:03:01.710 --> 00:03:04.377 เชื่อว่า การรับรู้ระยะของเวลานั้นได้รับอิทธิพลมาก 00:03:04.377 --> 00:03:06.501 จากจำนวนความทรงจำและข้อมูล 00:03:06.501 --> 00:03:08.384 ที่คุณจะจำเอาไว้ในสมอง 00:03:08.384 --> 00:03:09.802 เมื่อคุณมีประสบการณ์ใหม่ 00:03:09.802 --> 00:03:12.633 เช่นกระโดดน้ำจากที่สูงเป็นครั้งแรก 00:03:12.633 --> 00:03:14.169 ประสาทสัมผัสของคุณถูกขยาย 00:03:14.169 --> 00:03:15.544 คุณจดจำรายละเอียด 00:03:15.544 --> 00:03:17.770 เกี่ยวกับสิ่งที่เห็น เสียง กลิ่น 00:03:17.770 --> 00:03:19.521 มากกว่าที่คุณทำตอนปกติ 00:03:19.521 --> 00:03:21.219 และคุณจดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้ในสมอง 00:03:21.219 --> 00:03:23.231 ในรูปแบบของความทรงจำ 00:03:23.231 --> 00:03:25.056 ดังนั้น ยิ่งคุณมีข้อมูลในสมองมากเท่าไร 00:03:25.056 --> 00:03:28.706 เช่นกลิ่นของคลอรีนเมื่อคุณกระโดดลงมา 00:03:28.706 --> 00:03:30.116 หรือสีของน้ำ 00:03:30.116 --> 00:03:33.288 คุณยิ่งจะรู้สึกว่าประสบการณ์ยาวนานมากเท่านั้น 00:03:33.288 --> 00:03:34.817 ซึ่งก็หมายความว่า จำนวนของความทรงจำ 00:03:34.817 --> 00:03:36.711 และข้อมูลที่คุณบันทึกในสมอง 00:03:36.711 --> 00:03:38.706 มีอิทธิพลโดยตรงต่อระยะเวลา 00:03:38.706 --> 00:03:41.215 ที่คุณเชื่อว่าประสบการณ์นั้นดำเนินไป 00:03:41.215 --> 00:03:42.763 คุณเคยได้ยินไหม ที่คนบรรยาย 00:03:42.763 --> 00:03:45.236 ว่าอุบัติเหตุในรถยนต์เป็นเช่นไร 00:03:45.236 --> 00:03:48.553 ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุจากยานยนต์ ปกติจะกินเวลาแค่ไม่กี่วินาที 00:03:48.553 --> 00:03:50.597 คนที่อยู่ในเหตุการณ์มักบอกว่า 00:03:50.597 --> 00:03:54.377 พวกเขารู้สึกมันกินเวลานานกว่านั้น 00:03:54.377 --> 00:03:56.474 การรับรู้ถึงระยะของเวลายังเป็นเหตุที่ว่า 00:03:56.474 --> 00:03:59.614 ทำไมวัยเด็กของคุณเหมือนจะนานแสนนาน 00:03:59.614 --> 00:04:02.940 เมื่อเป็นผู้ใหญ่ แค่อึดใจเดียวก็ผ่านไปปีหนึ่งแล้ว 00:04:02.940 --> 00:04:06.012 แต่เด็กๆบันทึกข้อมูลเข้าไปในสมองมากกว่า 00:04:06.012 --> 00:04:07.692 สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะว่า ประสบการณ์ส่วนใหญ่ 00:04:07.692 --> 00:04:12.071 ที่เราเจอเมื่อเรายังเป็นเด็ก เป็นประสบการณ์ใหม่และไม่คุ้นเคยสำหรับเรา 00:04:12.071 --> 00:04:14.075 กองบันทึกความทรงจำในหัวสมองของคุณนั้น 00:04:14.075 --> 00:04:16.993 มันแน่นมาก ซึ่งการอ่านย้อนกลับไปทำให้คุณเชื่อว่า 00:04:16.993 --> 00:04:20.255 ประสบการณ์ของคุณต้องกินเวลานานมาก 00:04:20.255 --> 00:04:22.122 นอกจากนั้น เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ 00:04:22.122 --> 00:04:25.093 หนึ่งปีเป็น 1 ใน 5 ของชีวิตคุณ 00:04:25.093 --> 00:04:28.623 แต่เมื่อคุณอายุ 25 ปี หนึ่งปีเป็นแค่ 1 ใน 25 00:04:28.623 --> 00:04:31.219 เปลี่ยนแปลงการรับรู้ถึงระยะของเวลาของคุณมากไปอีก 00:04:31.219 --> 00:04:32.616 และ ถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่ 00:04:32.616 --> 00:04:34.295 ลองคิดถึงการเดินทางที่คุณเคยไป 00:04:34.295 --> 00:04:37.334 ที่ไหนสักแห่งไกลๆเป็นครั้งแรก 00:04:37.334 --> 00:04:40.093 สองสัปดาห์นั้นที่คุณใช้ไปกับการสำรวจสิ่งรอบๆ 00:04:40.093 --> 00:04:43.512 มันเหมือนจะยาวนานกว่า 14 วันหรือเปล่า 00:04:43.512 --> 00:04:44.973 แม้ว่า การรับรู้ถึงระยะของเวลา จะหยั่งราก 00:04:44.973 --> 00:04:47.181 อยู่ในทั้งหลักวิทยาศาสตร์และทฤษฎี 00:04:47.181 --> 00:04:48.933 มันได้มอบบทเรียนที่มีค่ากับเรา 00:04:48.933 --> 00:04:50.684 ว่าเราควรใช้ชีวิตเราอย่างไร 00:04:50.684 --> 00:04:52.279 ผมมั่นใจว่าคุณคงเคยได้ยิน 00:04:52.279 --> 00:04:53.729 ว่า คนเราไม่ควรเอาแต่นั่งจับเจ่า 00:04:53.729 --> 00:04:56.096 และปล่อยเวลาผ่านไป 00:04:56.096 --> 00:04:58.586 เอาล่ะครับ การรับรู้ถึงระยะของเวลาบอกเราว่าทำไม 00:04:58.586 --> 00:05:00.027 ถ้าคุณตื่นขึ้นมา และก้าวเข้าหาโลก 00:05:00.027 --> 00:05:01.445 และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ 00:05:01.445 --> 00:05:03.948 และบางที แม้กระทั่งกระโดดขาเดียวไปรอบๆ 00:05:03.948 --> 00:05:05.668 และเห่าเหมือนสุนัข 00:05:05.668 --> 00:05:07.036 คุณจะรับรู้สัมผัสถึงชีวิตของคุณเอง 00:05:07.036 --> 00:05:10.421 ได้ยาวนานกว่าจริงๆ