WEBVTT 00:00:06.631 --> 00:00:09.863 คุณเคยคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับปัญหา แล้วก็ได้ตระหนักว่า 00:00:09.863 --> 00:00:14.540 เขาไม่เข้าถึงประเด็นว่า ทำไมมันถึงสำคัญกับคุณมากนัก 00:00:14.540 --> 00:00:18.783 คุณเคยเสนอความคิดในที่ประชุม และต้องเจอกับความสับสนหรือเปล่า 00:00:18.783 --> 00:00:20.482 หรือบางทีคุณเคยอยู่ในการโต้เถียง 00:00:20.482 --> 00:00:22.640 เมื่ออีกบุคคลหนึ่งหาว่าคุณผิด 00:00:22.640 --> 00:00:26.507 ที่ไม่ยอมฟังเลยว่าเขาพูดอะไร 00:00:26.507 --> 00:00:27.950 เกิดอะไรขึ้น 00:00:27.950 --> 00:00:30.017 คำตอบก็คือ ปัญหาการสื่อสาร 00:00:30.017 --> 00:00:31.490 และในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง 00:00:31.490 --> 00:00:33.230 เราทุกคนเคยได้ประสบปัญหาเรื่องนี้มาแล้ว 00:00:33.230 --> 00:00:34.578 มันนำไปสู่ความสับสน 00:00:34.578 --> 00:00:35.682 ความไม่เป็นมิตร 00:00:35.682 --> 00:00:36.874 ความเข้าใจผิด 00:00:36.874 --> 00:00:41.573 และแม้กระทั่งทำให้ยานสำรวจ ราคาหลักล้านดอลลาร์ตกที่ดาวอังคาร 00:00:41.573 --> 00:00:44.823 แม้ว่าเราจะอยู่ต่อหน้าคนอีกคน 00:00:44.823 --> 00:00:46.308 ในห้องเดียวกัน 00:00:46.308 --> 00:00:48.074 และพูดภาษาเดียวกัน 00:00:48.074 --> 00:00:51.489 การสื่อสารของมนุษย์ มีความซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ 00:00:51.489 --> 00:00:54.637 แต่ข่าวดีก็คือความเข้าใจพื้นฐาน 00:00:54.637 --> 00:00:56.406 ของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราทำการสื่อสาร 00:00:56.406 --> 00:00:59.275 สามารถช่วยเราป้องกันปัญหาการสื่อสารได้ 00:00:59.275 --> 00:01:04.228 เป็นเวลาหลายทศวรรษ นักวิจัยได้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราสื่อสาร" 00:01:04.228 --> 00:01:06.935 หนึ่งในการตีตวามที่เรียกว่า ตัวอย่างการสื่อผ่าน 00:01:06.935 --> 00:01:11.766 มองการสื่อสารว่าเป็นข้อความ ที่เคลื่อนที่โดยตรงจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง 00:01:11.766 --> 00:01:15.622 คล้ายกับคนหนึ่งโยนลูกบอลและเดินจากไป 00:01:15.622 --> 00:01:16.753 แต่ในความเป็นจริงแล้ว 00:01:16.753 --> 00:01:20.680 ตัวอย่างง่าย ๆ นี้ไม่ได้พิจารณาถึง ความซับข้อนของการสื่อสาร 00:01:20.680 --> 00:01:22.671 มาดูตัวอย่างการติดต่อสื่อสาร 00:01:22.671 --> 00:01:26.675 ซึ่งรวมเอาความท้าทายต่าง ๆ ของการสื่อสารไว้ด้วย 00:01:26.675 --> 00:01:30.465 ด้วยตัวอย่างนี้ มันแม่นยำมากกว่า ที่จะคิดถึงการสื่อสารระหว่างคน 00:01:30.465 --> 00:01:32.272 ว่าเหมือนเกมส์โยนของรับของ 00:01:32.272 --> 00:01:36.000 เมื่อเราสื่อสารข้อความของเรา เราได้รับผลสนองกลับจากอีกฝ่าย 00:01:36.000 --> 00:01:39.674 ด้วยการติดต่อสื่อสารนี้ เราสร้างความหมายด้วยกัน 00:01:39.674 --> 00:01:43.307 แต่จากการแลกเปลี่ยนนี้ ความซับซ้อนก็ได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก 00:01:43.307 --> 00:01:45.273 มีนไม่เหมือนกับโลกสตราเทรค 00:01:45.273 --> 00:01:47.393 ที่ตัวละครบางตัวสามารถ ส่งความคิดแบบวัลคันได้ 00:01:47.393 --> 00:01:49.523 ที่แบ่งปันได้ทั่งความคิดและอารมณ์ 00:01:49.523 --> 00:01:52.807 ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ เราไม่สามารถ ที่จะส่งและรับข้อความ 00:01:52.807 --> 00:01:55.695 ผ่านมุมมองที่ไม่ลำเอียงของเราได้ 00:01:55.695 --> 00:01:59.688 เมื่อมีการสื่อสาร คนคนหนึ่ง แสดงออกการตีความของข้อความ 00:01:59.688 --> 00:02:01.719 และคนที่คนคนนั้นสื่อสารด้วย 00:02:01.719 --> 00:02:04.521 ได้ยินการตีความของเขาเองจากข้อความนั้น 00:02:04.521 --> 00:02:09.928 การกรองการหยั่งรู้ของเรา เปลี่ยนแปลง ความหมายและการตีความตลอดเวลา 00:02:09.928 --> 00:02:11.570 จำเรื่องเกมส์โยนของรับของได้ไหม 00:02:11.570 --> 00:02:13.722 ลองนึกถึงมันว่าของนั้นเป็นดินก้อนหนึ่ง 00:02:13.722 --> 00:02:15.529 เมื่อคนหนึ่งจับมัน 00:02:15.529 --> 00:02:18.356 พวกมันเปลี่ยนรูป เพื่อให้เข้ากับความเข้าใจส่วนบุคคล 00:02:18.356 --> 00:02:20.710 ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ 00:02:20.710 --> 00:02:25.056 เช่น ความรู้ หรือประสบการณ์ในอดีต อายุ เชื้อชาติ เพศ 00:02:25.056 --> 00:02:28.785 สัญชาติ ศาสนา หรือพื้นเพครอบครัว 00:02:28.785 --> 00:02:32.448 ทุกคนตีความข้อความที่พวกเขาได้ โดยอัตโนมัติ 00:02:32.448 --> 00:02:35.396 ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของพวกเขา กับบุคคลอีกคน 00:02:35.396 --> 00:02:36.838 และความเข้าใจส่วนตัวของพวกเขา 00:02:36.838 --> 00:02:41.759 เกี่ยวกับความหมายและความหมายแฝง ของคำนั้น ๆ ที่ถูกใช้ 00:02:41.759 --> 00:02:44.562 พวกเขายังอาจถูกทำให้วอกแวก จากสิ่งกระตุ้น 00:02:44.562 --> 00:02:45.719 เช่น การจราจร 00:02:45.719 --> 00:02:47.470 หรือท้องที่กำลังส่งเสียง 00:02:47.470 --> 00:02:49.649 แม้แต่อารมณ์ก็อาจทำให้ความคิดคลุมเครือ 00:02:49.649 --> 00:02:52.508 และการเพิ่มจำนวนคนในการสนทนา 00:02:52.508 --> 00:02:54.508 ซึ่งแต่ละคนก็มีแนวคิดของตนเอง 00:02:54.508 --> 00:02:58.601 ความซับซ้อนในการสื่อสารก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก 00:02:58.601 --> 00:03:02.937 ก้อนดินนั้นถูกส่งไปมา จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง 00:03:02.937 --> 00:03:06.033 ถูกทำให้ ขึ้นรูปใหม่ และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 00:03:06.033 --> 00:03:11.284 ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบางครั้ง ข้อความของเราจึงมีปัญหาในการสื่อสาร 00:03:11.284 --> 00:03:13.535 แต่โชคดี ที่มีการปฎิบัติง่าย ๆ บางอย่าง 00:03:13.535 --> 00:03:18.456 ที่สามารถช่วยเรากำกับปฏิสัมพันธ์ ในชีวิตประจำวันให้เกิดการสื่อสารที่ดีขึ้น 00:03:18.456 --> 00:03:19.586 หนึ่ง 00:03:19.586 --> 00:03:24.041 จำไว้ว่าการรับสารจากการตั้งใจฟัง และฟังมาแบบผ่าน ๆ มีความแตกต่างกัน 00:03:24.041 --> 00:03:28.374 มีปฎิสัมพันธ์กับการตอบสนอง แบบวัจนะและอวัจนะ 00:03:28.374 --> 00:03:32.389 และปรับข้อความของคุณ ให้ช่วยทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น 00:03:32.389 --> 00:03:33.286 สอง 00:03:33.286 --> 00:03:37.317 ฟังด้วยตาและหูของคุณ ให้มากพอ ๆ กับการใช้ใจ 00:03:37.317 --> 00:03:40.276 จำไว้ว่า การสือสารเป็นมากกว่าคำพูด 00:03:40.276 --> 00:03:41.434 สาม 00:03:41.434 --> 00:03:45.036 ให้เวลาในการทำความเข้าใจ ในขณะที่คุณพยายามอยากให้คนอื่นเข้าใจ 00:03:45.036 --> 00:03:47.131 การแสดงออกที่เร่งรีบ 00:03:47.131 --> 00:03:50.227 จะทำให้เราลิมได้โดยง่ายว่า การสื่อสารเป็นเหมือนถนนสองช่องทาง 00:03:50.227 --> 00:03:52.960 เปิดกว้างเผื่อไว้สำหรับให้อีกบุคคลหนึ่งพูด 00:03:52.960 --> 00:03:54.613 และสุดท้าย สี่ 00:03:54.613 --> 00:03:57.849 ระวังการกรองความเข้าใจส่วนบุคคล 00:03:57.849 --> 00:03:59.402 องค์ประกอบของประสบการณ์ของคุณ 00:03:59.402 --> 00:04:01.967 ที่รวมถึงวัฒนธรรมของคุณ สังคม และครอบครัว 00:04:01.967 --> 00:04:04.451 ส่งผลว่าคุณมองโลกนี้อย่างไร 00:04:04.451 --> 00:04:07.968 หรือพูดได้อีกอย่างว่า "ฉันมองปัญหา ในแบบนี้ แต่คุณล่ะมองแบบไหน" 00:04:07.968 --> 00:04:11.385 อย่าทึกทักว่าสิ่งที่คุณรู้ เป็นความจริงที่ไม่ลำเอียง 00:04:11.385 --> 00:04:14.177 นั่นจะช่วยให้คุณแลกเปลี่ยนการ สนทนากับผู้อื่น 00:04:14.177 --> 00:04:16.966 เพื่อจะได้ไปถึงจุดที่มีความเข้าใจร่วมกัน