1 00:00:00,708 --> 00:00:03,559 ฉันมีเรื่องจะสารภาพ 2 00:00:03,583 --> 00:00:05,875 ฉันเพิ่งหัดขับรถ 3 00:00:06,750 --> 00:00:08,292 มันยากมากเลย 4 00:00:09,125 --> 00:00:12,184 นี่ไม่ใช่เรื่องของสมองคนแก่หรืออะไร 5 00:00:12,208 --> 00:00:15,476 คุณยังจำตอนที่คุณเพิ่งหัดขับรถกันได้ไหม 6 00:00:15,500 --> 00:00:18,458 การตัดสินใจทุกอย่าง คุณต้องมีสติและตั้งใจมาก 7 00:00:19,208 --> 00:00:22,667 ฉันเรียนขับรถเสร็จ กลับมาบ้านด้วยสมองที่เหนื่อยล้า 8 00:00:23,458 --> 00:00:26,893 ฉันเป็นนักวิทยาสตร์ด้านการทำงานของสมอง จึงรู้ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะฉันใช้ 9 00:00:26,917 --> 00:00:30,708 สิ่งที่เรียกว่าความสามารถของสมอง ด้านบริหารจัดการอย่างหนักนั่นเอง 10 00:00:31,375 --> 00:00:36,768 น่าทึ่งที่ความสามารถของสมองด้านบริหาร จัดการทำให้เรามีสติควบคุมความคิด 11 00:00:36,792 --> 00:00:38,601 อารมณ์และการกระทำ 12 00:00:38,625 --> 00:00:40,643 เพื่อให้บรรลุจุดหมายได้ 13 00:00:40,667 --> 00:00:42,250 อย่างการหัดขับรถ 14 00:00:43,000 --> 00:00:46,018 มันเป็นสิ่งที่เราใช้ในการเลิกนิสัยบางอย่าง 15 00:00:46,042 --> 00:00:48,542 ยับยั้งความอยาก และวางแผนล่วงหน้า 16 00:00:49,708 --> 00:00:52,500 แต่เราสามารถเห็นมันได้ชัดเจนที่สุด ตอนมีความผิดพลาดเกิดขึ้น 17 00:00:53,250 --> 00:00:56,643 อย่าง คุณเคยรินน้ำส้ม ลงในชามซีเรียลโดยไม่ตั้งใจไหม 18 00:00:56,667 --> 00:00:58,726 (เสียงหัวเราะ) 19 00:00:58,750 --> 00:01:00,643 หรือขณะกำลังกวาดดูเรื่องราวในเฟซบุ๊ค 20 00:01:00,667 --> 00:01:02,809 กลับนึกขึ้นมาได้ว่าคุณลืมไปประชุม 21 00:01:02,833 --> 00:01:04,143 (เสียงหัวเราะ) 22 00:01:04,167 --> 00:01:05,809 หรืออย่างอันนี้ อาจคุ้นเคยกว่า 23 00:01:05,833 --> 00:01:08,518 คุณเคยวางแผนว่าจะแวะร้านค้า หลังเลิกงานก่อนกลับบ้าน 24 00:01:08,542 --> 00:01:11,393 แต่แล้วก็ขับตรงกลับบ้านไปเลยโดยอัตโนมัติ 25 00:01:11,417 --> 00:01:13,601 (เสียงหัวเราะ) 26 00:01:13,625 --> 00:01:16,018 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคน 27 00:01:16,042 --> 00:01:17,976 เรามักจะเรียกกันว่าความขี้หลงขี้ลืม 28 00:01:18,000 --> 00:01:19,309 แต่จริง ๆแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 29 00:01:19,333 --> 00:01:22,458 เรากำลังประสบกับอาการวูบ ของสมองด้านบริหารจัดการ 30 00:01:23,625 --> 00:01:28,018 เราใช้สมองด้านบริหาร จัดการในทุกแง่มุมของชีวิต 31 00:01:28,042 --> 00:01:29,476 ใน 30 กว่าปีที่ผ่านมา 32 00:01:29,500 --> 00:01:33,268 นักวิจัยหลายท่านพบว่า มันสามารถบ่งบอกสิ่งดี ๆ ได้หลายอย่าง 33 00:01:33,292 --> 00:01:35,476 ทั้งในช่วงวัยเด็กและหลังจากนั้น 34 00:01:35,500 --> 00:01:40,059 อย่างทักษะทางสังคม ความสำเร็จทางการศึกษา สุขภาพกายและจิต 35 00:01:40,083 --> 00:01:42,101 การหาเงิน เก็บเงิน 36 00:01:42,125 --> 00:01:44,268 แม้กระทั่งการอยู่ไกลห่างจากคุก 37 00:01:44,292 --> 00:01:46,309 ฟังดูดีใช่ไหมคะ 38 00:01:46,333 --> 00:01:47,768 ไม่น่าแปลกใจเลย 39 00:01:47,792 --> 00:01:51,226 ที่นักวิจัยอย่างฉันจะสนใจ การทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ 40 00:01:51,250 --> 00:01:53,458 และพยายามหาทางปรับปรุงมัน 41 00:01:55,167 --> 00:02:00,333 แต่พักหลังสมองส่วนบริหารจัดการนั้น กลายเป็นศัพท์ในการพัฒนาตนเองคำใหญ่ไป 42 00:02:01,042 --> 00:02:04,393 มีคนคิดว่าจะสามารถปรับปรุงมัน ได้ด้วยแอพฝึกสมองในไอโฟน 43 00:02:04,417 --> 00:02:05,851 และเกมคอมพิวเตอร์ 44 00:02:05,875 --> 00:02:09,125 หรือด้วยการฝึกฝนด้วยวิธีเฉพาะ อย่างการเล่นหมากรุก 45 00:02:10,250 --> 00:02:13,309 นักวิจัยก็พยายามฝึกสมองส่วนนี้ ภายในห้องทดลอง 46 00:02:13,333 --> 00:02:16,268 ด้วยความหวังที่จะปรับปรุงมัน และอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับมัน 47 00:02:16,292 --> 00:02:17,583 อย่างเช่น ความฉลาด 48 00:02:19,333 --> 00:02:20,809 แต่ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณว่า 49 00:02:20,833 --> 00:02:24,768 วิธีคิดเกี่ยวกับ สมองด้านบริหารจัดการเช่นนี้ผิดทั้งสิ้น 50 00:02:24,792 --> 00:02:28,351 การฝึกสมองไม่ได้ช่วยปรับปรุงสมอง ด้านบริหารจัดการในภาพรวม 51 00:02:28,375 --> 00:02:31,601 เพราะมันเป็นการฝึกสมองส่วนนี้แบบแคบ ๆ 52 00:02:31,625 --> 00:02:36,042 ที่อยู่นอกบริบทของชีวิตจริง ที่เราใช้สมองส่วนนี้คิด 53 00:02:36,875 --> 00:02:39,726 คุณอาจจะใช้แอพฝึกสมอง ด้านบริหารจัดการในโทรศัพท์ของคุณได้เก่ง 54 00:02:39,750 --> 00:02:43,524 แต่มันจะไม่ช่วยให้คุณเลิกรินน้ำส้ม ลงในชามเชียริโอสสัปดาห์ละสองครั้งได้หรอก 55 00:02:43,538 --> 00:02:44,643 (เสียงหัวเราะ) 56 00:02:44,667 --> 00:02:47,184 หากคุณอยากปรับปรุง สมองด้านบริหารจัดการจริง ๆ 57 00:02:47,208 --> 00:02:49,393 ในด้านที่สำคัญกับการดำเนินชีวิต 58 00:02:49,417 --> 00:02:53,167 คุณต้องเข้าใจว่า บริบทมีผลกับมันอย่างไรเสียก่อน 59 00:02:54,083 --> 00:02:55,684 ฉันจะแสดงให้ดู 60 00:02:55,708 --> 00:02:58,059 มีการทดสอบที่ดีมากที่เราทำกันในห้องทดลอง 61 00:02:58,083 --> 00:03:00,309 เพื่อวัดสมองด้านบริหารจัดการในเด็กเล็ก 62 00:03:00,333 --> 00:03:02,917 เรียกว่า "การจัดเรียงการ์ดตามมิติที่เปลี่ยนไป" 63 00:03:04,000 --> 00:03:07,434 ในการฝึกนี้ เด็กจะต้องจัดเรียงการ์ดด้วยวิธีหนึ่ง 64 00:03:07,458 --> 00:03:08,976 อย่างเช่นตามรูปร่าง 65 00:03:09,000 --> 00:03:11,768 ทำซ้ำเช่นนี้จนกลายเป็นนิสัย 66 00:03:11,792 --> 00:03:13,976 แล้วเราก็จะขอให้เด็กเปลี่ยน 67 00:03:14,000 --> 00:03:16,851 และจัดเรียงการด์เดียวกันนั้น ด้วยวิธีอีกวิธีหนึ่ง 68 00:03:16,875 --> 00:03:18,208 อย่างเรียงตามสี 69 00:03:19,083 --> 00:03:22,309 เด็กเล็กมาก ๆ พบว่ามันยาก 70 00:03:22,333 --> 00:03:25,934 เด็กสามสี่ขวบจะจัดเรียงการ์ดด้วยวิธีเดิม 71 00:03:25,958 --> 00:03:29,333 ไม่ว่าคุณจะเตือนพวกเขากี่ครั้ง ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร 72 00:03:30,125 --> 00:03:33,309 (วิดีโอ) ผู้หญิง: ถ้าสีน้ำเงิน เอามาวางตรงนี้ ส่วนสีแดง วางตรงนี้ 73 00:03:33,333 --> 00:03:34,583 นี่ อันนี้สีน้ำเงิน 74 00:03:35,083 --> 00:03:37,351 โอเค ทีนี้เราจะเล่นเกมใหม่นะ 75 00:03:37,375 --> 00:03:39,601 เราจะไม่เล่นเกมสีแล้ว 76 00:03:39,625 --> 00:03:41,518 เราจะเล่นเกมรูปร่างแทน 77 00:03:41,542 --> 00:03:42,809 และในเกมรูปร่างนี้ 78 00:03:42,833 --> 00:03:46,059 รูปดาว เอามาวางตรงนี้ รูปรถบรรทุกทั้งหมดวางตรงนี้ โอเคไหม 79 00:03:46,083 --> 00:03:48,143 ดาวตรงนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ 80 00:03:48,167 --> 00:03:49,458 ดาวไปทางไหนคะ 81 00:03:50,667 --> 00:03:52,226 รถบรรทุกไปทางไหนคะ 82 00:03:52,250 --> 00:03:53,518 เยี่ยมเลย 83 00:03:53,542 --> 00:03:55,851 เอาละ ดาวมาทางนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ 84 00:03:55,875 --> 00:03:57,125 อ้ะ นี่รถบรรทุก 85 00:03:58,542 --> 00:04:00,351 (เสียงหัวเราะ) 86 00:04:00,375 --> 00:04:02,643 ดาวตรงนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ 87 00:04:02,667 --> 00:04:03,917 นี่ ดาว 88 00:04:05,208 --> 00:04:07,559 (เสียงหัวเราะ) 89 00:04:07,583 --> 00:04:09,476 SB: มันน่าสนใจจริงๆ 90 00:04:09,500 --> 00:04:13,601 และเห็นได้ชัดว่าเมื่อใดที่เธอ ไม่ได้ใช้สมองด้านบริหารจัดการ 91 00:04:13,625 --> 00:04:14,893 แต่นี่แหละ 92 00:04:14,917 --> 00:04:17,642 เราสามารถฝึกเธอให้ทำแบบฝึก อย่างนี้หรือแบบอื่นที่คล้ายกัน 93 00:04:17,666 --> 00:04:19,684 และในที่สุดเธอก็จะทำได้ดี 94 00:04:19,708 --> 00:04:20,976 แต่นั่นหมายความว่า 95 00:04:21,000 --> 00:04:24,268 สมองด้านบริหารจัดการของเธอจะทำงานได้ดีขึ้น นอกห้องทดลองอย่างนั้นหรือ 96 00:04:24,292 --> 00:04:27,726 ไม่ใช่แน่ เพราะในชีวิตจริง เธอจะต้องใช้สมองด้านบริหารจัดการ 97 00:04:27,750 --> 00:04:31,226 ทำมากกว่าแค่สลับจากรูปร่างเป็นสีมากแน่ 98 00:04:31,250 --> 00:04:34,226 เธอจะต้องสลับจากบวกเป็นคูณ 99 00:04:34,250 --> 00:04:36,518 จากเอาออกมาเล่นเป็นเก็บเข้าที่ 100 00:04:36,542 --> 00:04:40,393 จากคิดถึงความรู้สึกของตัวเอง เป็นคิดถึงความรู้สึกของเพื่อน 101 00:04:40,417 --> 00:04:43,393 และความสำเร็จในชีวิตจริงขึ้นอยู่กับเรื่อง 102 00:04:43,417 --> 00:04:47,226 อย่างเช่น คุณมีความกระตือรือร้นแค่ไหน และเพื่อนของคุณทำอะไรกันอยู่มั่ง 103 00:04:47,250 --> 00:04:50,351 มันยังขึ้นอยู่กับกลยุทธที่คุณนำมาใช้ 104 00:04:50,375 --> 00:04:53,625 เมื่อคุณกำลังใช้สมองด้านบริหารจัดการ ในสถานการณ์เฉพาะอย่างด้วย 105 00:04:54,667 --> 00:04:58,375 ที่ฉันกำลังจะบอกคือว่า บริบทเป็นสิ่งสำคัญ 106 00:04:59,250 --> 00:05:01,976 ขอให้ฉันได้ยกตัวอย่างจากงานวิจัยของฉัน ให้คุณเห็นสักหน่อย 107 00:05:02,000 --> 00:05:06,393 ที่ผ่านมาไม่นานนี้ ฉันได้นำกลุ่มเด็ก มาทำการทดสอบคลาสสิกเรื่องมาร์ชเมลโล 108 00:05:06,417 --> 00:05:08,601 ที่วัดเรื่องความอดทนรอคอย 109 00:05:08,625 --> 00:05:11,750 ซึ่งต้องใช้สมองด้านบริหารจัดการอย่างหนัก 110 00:05:12,708 --> 00:05:14,559 คุณอาจเคยได้ยินเรื่องการทดสอบนี้มาแล้ว 111 00:05:14,583 --> 00:05:16,601 ง่าย ๆ คือเด็ก ๆ ต้องเลือก 112 00:05:16,625 --> 00:05:18,934 ว่าเขาจะกินมาร์ชเมลโลชิ้นนึงไปเลยก็ได้ 113 00:05:18,958 --> 00:05:21,351 หรือรอ หากเขารอฉันกลับมาจากอีกห้องนึง 114 00:05:21,375 --> 00:05:22,893 เพื่อไปเอามาร์ชเมลโลมาเพิ่ม 115 00:05:22,917 --> 00:05:24,708 เขาก็จะได้กินสองชิ้น 116 00:05:25,417 --> 00:05:29,434 เด็กส่วนใหญ่อยากได้มาร์ชเมลโลชิ้นที่สอง 117 00:05:29,458 --> 00:05:32,684 แต่คำถามก็คือ เด็ก ๆ รอได้นานกันแค่ไหน 118 00:05:32,708 --> 00:05:33,809 (เสียงหัวเราะ) 119 00:05:33,833 --> 00:05:37,833 ฉันเพิ่มมุมเข้าไปอีกอย่าง เพื่อดูผลกระทบของบริบท 120 00:05:38,750 --> 00:05:41,726 ฉันบอกเด็กแต่ละคนว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่ม 121 00:05:41,750 --> 00:05:43,393 กลุ่มสีเขียว 122 00:05:43,417 --> 00:05:46,559 ฉันให้เด็กใส่เสื้อยืดสีเขียว 123 00:05:46,583 --> 00:05:50,684 และบอกว่ากลุ่มของหนู รอมาร์ชเมลโลสองชิ้นนะ 124 00:05:50,708 --> 00:05:53,059 แตอีกกลุ่มนึงน่ะ กลุ่มสีส้ม 125 00:05:53,083 --> 00:05:54,351 เขาไม่รอล่ะ" 126 00:05:54,375 --> 00:05:55,851 หรือฉันบอกเขาในทางตรงกันข้าม 127 00:05:55,875 --> 00:05:57,934 "กลุ่มหนูไม่รอเอามาร์ชเมลโลสองชิ้น 128 00:05:57,958 --> 00:06:00,018 แต่อีกกลุ่มหนึ่งเขารอนะ" 129 00:06:00,042 --> 00:06:02,351 และฉันก็ทิ้งเด็กคนนั้นไว้ในห้องตามลำพัง 130 00:06:02,375 --> 00:06:05,208 แล้วแอบดูพวกเขาผ่านเว็บแคม ว่าเขาจะรอได้นานแค่ไหน 131 00:06:05,792 --> 00:06:09,851 (เสียงหัวเราะ) 132 00:06:09,875 --> 00:06:13,643 สิ่งที่ฉันค้นพบคือ เด็กที่เชื่อว่า 133 00:06:13,667 --> 00:06:15,809 เขาอยู่ในกลุ่มที่รอมาร์ชเมลโลสองชิ้น 134 00:06:15,833 --> 00:06:18,667 มีแนวโน้มที่จะรอด้วย 135 00:06:20,042 --> 00:06:24,476 กลุ่มเพื่อนจึงมีอิทธิพลต่อเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่เคยพบกันเลย 136 00:06:24,500 --> 00:06:25,893 (เสียงหัวเราะ) 137 00:06:25,917 --> 00:06:27,601 เจ๋งไปเลย ใช่ไหมคะ 138 00:06:27,625 --> 00:06:30,226 ด้วนผลการทดลองนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ 139 00:06:30,250 --> 00:06:34,750 ว่าเด็ก ๆ ก็แค่ทำตามคนในกลุ่มหรือ มันจะเป็นเพราะอะไรที่ลึกไปกว่านั้น 140 00:06:35,333 --> 00:06:37,018 ฉันจึงเชิญเด็ก ๆ มาเพิ่มอีก 141 00:06:37,042 --> 00:06:42,059 หลังจากที่ทำการทดสอบเรื่องมาร์ชเมลโลแล้ว ฉันก็ได้ให้เด็กดูภาพของเด็กคู่หนึ่ง 142 00:06:42,083 --> 00:06:45,768 และบอกเด็กคนนั้นว่า"หนึ่งในสองของเด็กในภาพ ชอบที่จะได้ของเลยโดยไม่รอ 143 00:06:45,792 --> 00:06:47,768 อย่างคุกกี้และสติ้กเกอร์ 144 00:06:47,792 --> 00:06:49,309 ส่วนอีกคนหนึ่ง เขารอได้ 145 00:06:49,333 --> 00:06:51,809 เพื่อจะได้ของพวกนี้มากขึ้น 146 00:06:51,833 --> 00:06:53,101 และฉันก็ถามเขาว่า 147 00:06:53,125 --> 00:06:55,268 "หนูชอบเด็กคนไหนมากกว่า 148 00:06:55,292 --> 00:06:57,083 คนไหนที่หนูอยากจะเล่นด้วยมากกว่า" 149 00:06:57,833 --> 00:07:01,684 ที่พบคือ เด็กที่เชื่อว่ากลุ่มของเขารอได้ 150 00:07:01,708 --> 00:07:05,125 มีแนวโน้มที่จะชอบเด็กที่ชอบรอ 151 00:07:05,958 --> 00:07:10,083 ดังนั้นการเรียนรู้ว่ากลุ่มของเขารอได้ ทำให้เด็กคนนั้นเห็นคุณค่าของการรอมากขึ้น 152 00:07:10,958 --> 00:07:12,726 ไม่เพียงเท่านั้น 153 00:07:12,750 --> 00:07:15,059 เด็กเหล่านี้มีแนวโน้ม ที่จะใช้สมองด้านบริหารจัดการ 154 00:07:15,083 --> 00:07:18,143 ในการสร้างกลยุทธ์ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถรอได้อีกด้วย 155 00:07:18,167 --> 00:07:21,643 อย่างเช่น นั่งทับมือตนเอง หรือหันหลังให้กับมาร์ชเมลโล 156 00:07:21,667 --> 00:07:24,768 หรือร้องเพลงเพื่อหันเหความสนใจของตนเอง 157 00:07:24,792 --> 00:07:26,417 (เสียงหัวเราะ) 158 00:07:27,500 --> 00:07:32,059 สิ่งที่มันแสดงให้เห็นไม่เพียงแค่ว่า บริบทมีความสำคัญมากขนาดไหนเท่านั้น 159 00:07:32,083 --> 00:07:35,643 ไม่ใช่ว่าเด็กเหล่านี้มีสมอง ด้านบริหารจัดการที่ดีหรือไม่ดี 160 00:07:35,667 --> 00:07:38,667 แต่บริบทช่วยให้พวกเขา ใช้มันได้ดีขึ้นต่างหาก 161 00:07:40,417 --> 00:07:43,542 แล้วมันมีความหมายอย่างไร กับคุณและลูก ๆ ของคุณ 162 00:07:44,500 --> 00:07:47,143 อย่าง ถ้าคุณอยากเรียนภาษาสเปน 163 00:07:47,167 --> 00:07:48,893 คุณอาจจะลองเปลี่ยนบริบทดู 164 00:07:48,917 --> 00:07:52,851 และไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ต้องการเรียน 165 00:07:52,875 --> 00:07:55,893 และจะยิ่งดีไปกว่านั้น หากพวกเขาเป็นคนที่คุณชอบด้วย 166 00:07:55,917 --> 00:07:59,333 ด้วยวิธีนี้ คุณก็จะมีแรงจูงใจ ในการใช้สมองด้านบริหารจัดการมากขึ้น 167 00:08:00,167 --> 00:08:04,434 หรือถ้าคุณอยากช่วยให้ลูกของคุณ ทำการบ้านเลขได้ดีขึ้น 168 00:08:04,458 --> 00:08:07,601 คุณก็สอนให้ลูกใช้กลยุทธ์ ในการใช้สมองด้านบริหารจัดการได้ 169 00:08:07,625 --> 00:08:09,559 ในบริบทบางอย่าง 170 00:08:09,583 --> 00:08:12,726 เช่น เก็บมือถือเสียก่อนที่จะเริ่มการเรียน 171 00:08:12,750 --> 00:08:16,333 หรือวางแผนให้รางวัล เมื่อลูกเรียนครบหนึ่งชั่วโมง 172 00:08:17,083 --> 00:08:20,351 ฉันไม่ได้บอกว่าบริบท เป็นทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ 173 00:08:20,375 --> 00:08:25,351 ความสามารถของสมองด้านบริหารจัดการนั้น ซับซ้อนมากและขึ้นกับหลายปัจจัย 174 00:08:25,375 --> 00:08:26,893 แต่สิ่งที่ฉันอยากให้คุณจำก็คือ 175 00:08:26,917 --> 00:08:29,434 หากคุณต้องการปรับปรุงความสามารถ ของสมองด้านบริหารจัดการ 176 00:08:29,458 --> 00:08:31,809 ในแง่มุมหนึ่งใดของชีวิต 177 00:08:31,833 --> 00:08:33,976 อย่าไปหาทางแก้แบบฉับพลัน 178 00:08:34,000 --> 00:08:35,268 ให้คิดถึงบริบท 179 00:08:35,292 --> 00:08:38,226 และวิธีที่ทำให้เป้าหมายของคุณ มีความหมายต่อตัวคุณมากขึ้น 180 00:08:38,250 --> 00:08:39,726 และวิธีการใช้กลยุทธ์ 181 00:08:39,750 --> 00:08:42,125 เพื่อช่วยตัวคุณเองในสถานการณ์เฉพาะนั้น 182 00:08:43,332 --> 00:08:48,726 ฉันคิดว่ากรีกโบราณรู้ดีที่สุด เขากล่าวว่า "ให้รู้จักตัวเอง" 183 00:08:48,750 --> 00:08:53,059 ส่วนสำคัญของวิธีนี้คือการรู้ว่า บริบทส่งผลต่อพฤติกรรมของคุณอย่างไร 184 00:08:53,083 --> 00:08:56,893 และคุณจะใช้ความรู้นั้น มาเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร 185 00:08:56,917 --> 00:08:58,184 ขอบคุณค่ะ 186 00:08:58,208 --> 00:09:01,333 (เสียงปรบมือ)