WEBVTT 00:00:00.708 --> 00:00:03.559 ฉันมีเรื่องจะสารภาพ 00:00:03.583 --> 00:00:05.875 ฉันเพิ่งหัดขับรถ 00:00:06.750 --> 00:00:08.292 มันยากมากเลย 00:00:09.125 --> 00:00:12.184 นี่ไม่ใช่เรื่องของสมองคนแก่หรืออะไร 00:00:12.208 --> 00:00:15.476 คุณยังจำตอนที่คุณเพิ่งหัดขับรถกันได้ไหม 00:00:15.500 --> 00:00:18.458 การตัดสินใจทุกอย่าง คุณต้องมีสติและตั้งใจมาก 00:00:19.208 --> 00:00:22.667 ฉันเรียนขับรถเสร็จ กลับมาบ้านด้วยสมองที่เหนื่อยล้า 00:00:23.458 --> 00:00:26.893 ฉันเป็นนักวิทยาสตร์ด้านการทำงานของสมอง จึงรู้ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะฉันใช้ 00:00:26.917 --> 00:00:30.708 สิ่งที่เรียกว่าความสามารถของสมอง ด้านบริหารจัดการอย่างหนักนั่นเอง 00:00:31.375 --> 00:00:36.768 น่าทึ่งที่ความสามารถของสมองด้านบริหาร จัดการทำให้เรามีสติควบคุมความคิด 00:00:36.792 --> 00:00:38.601 อารมณ์และการกระทำ 00:00:38.625 --> 00:00:40.643 เพื่อให้บรรลุจุดหมายได้ 00:00:40.667 --> 00:00:42.250 อย่างการหัดขับรถ 00:00:43.000 --> 00:00:46.018 มันเป็นสิ่งที่เราใช้ในการเลิกนิสัยบางอย่าง 00:00:46.042 --> 00:00:48.542 ยับยั้งความอยาก และวางแผนล่วงหน้า 00:00:49.708 --> 00:00:52.500 แต่เราสามารถเห็นมันได้ชัดเจนที่สุด ตอนมีความผิดพลาดเกิดขึ้น 00:00:53.250 --> 00:00:56.643 อย่าง คุณเคยรินน้ำส้ม ลงในชามซีเรียลโดยไม่ตั้งใจไหม NOTE Paragraph 00:00:56.667 --> 00:00:58.726 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:00:58.750 --> 00:01:00.643 หรือขณะกำลังกวาดดูเรื่องราวในเฟซบุ๊ค 00:01:00.667 --> 00:01:02.809 กลับนึกขึ้นมาได้ว่าคุณลืมไปประชุม NOTE Paragraph 00:01:02.833 --> 00:01:04.143 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:04.167 --> 00:01:05.809 หรืออย่างอันนี้ อาจคุ้นเคยกว่า 00:01:05.833 --> 00:01:08.518 คุณเคยวางแผนว่าจะแวะร้านค้า หลังเลิกงานก่อนกลับบ้าน 00:01:08.542 --> 00:01:11.393 แต่แล้วก็ขับตรงกลับบ้านไปเลยโดยอัตโนมัติ NOTE Paragraph 00:01:11.417 --> 00:01:13.601 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:13.625 --> 00:01:16.018 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคน 00:01:16.042 --> 00:01:17.976 เรามักจะเรียกกันว่าความขี้หลงขี้ลืม 00:01:18.000 --> 00:01:19.309 แต่จริง ๆแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 00:01:19.333 --> 00:01:22.458 เรากำลังประสบกับอาการวูบ ของสมองด้านบริหารจัดการ NOTE Paragraph 00:01:23.625 --> 00:01:28.018 เราใช้สมองด้านบริหาร จัดการในทุกแง่มุมของชีวิต 00:01:28.042 --> 00:01:29.476 ใน 30 กว่าปีที่ผ่านมา 00:01:29.500 --> 00:01:33.268 นักวิจัยหลายท่านพบว่า มันสามารถบ่งบอกสิ่งดี ๆ ได้หลายอย่าง 00:01:33.292 --> 00:01:35.476 ทั้งในช่วงวัยเด็กและหลังจากนั้น 00:01:35.500 --> 00:01:40.059 อย่างทักษะทางสังคม ความสำเร็จทางการศึกษา สุขภาพกายและจิต 00:01:40.083 --> 00:01:42.101 การหาเงิน เก็บเงิน 00:01:42.125 --> 00:01:44.268 แม้กระทั่งการอยู่ไกลห่างจากคุก 00:01:44.292 --> 00:01:46.309 ฟังดูดีใช่ไหมคะ 00:01:46.333 --> 00:01:47.768 ไม่น่าแปลกใจเลย 00:01:47.792 --> 00:01:51.226 ที่นักวิจัยอย่างฉันจะสนใจ การทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ 00:01:51.250 --> 00:01:53.458 และพยายามหาทางปรับปรุงมัน NOTE Paragraph 00:01:55.167 --> 00:02:00.333 แต่พักหลังสมองส่วนบริหารจัดการนั้น กลายเป็นศัพท์ในการพัฒนาตนเองคำใหญ่ไป 00:02:01.042 --> 00:02:04.393 มีคนคิดว่าจะสามารถปรับปรุงมัน ได้ด้วยแอพฝึกสมองในไอโฟน 00:02:04.417 --> 00:02:05.851 และเกมคอมพิวเตอร์ 00:02:05.875 --> 00:02:09.125 หรือด้วยการฝึกฝนด้วยวิธีเฉพาะ อย่างการเล่นหมากรุก 00:02:10.250 --> 00:02:13.309 นักวิจัยก็พยายามฝึกสมองส่วนนี้ ภายในห้องทดลอง 00:02:13.333 --> 00:02:16.268 ด้วยความหวังที่จะปรับปรุงมัน และอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับมัน 00:02:16.292 --> 00:02:17.583 อย่างเช่น ความฉลาด 00:02:19.333 --> 00:02:20.809 แต่ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณว่า 00:02:20.833 --> 00:02:24.768 วิธีคิดเกี่ยวกับ สมองด้านบริหารจัดการเช่นนี้ผิดทั้งสิ้น 00:02:24.792 --> 00:02:28.351 การฝึกสมองไม่ได้ช่วยปรับปรุงสมอง ด้านบริหารจัดการในภาพรวม 00:02:28.375 --> 00:02:31.601 เพราะมันเป็นการฝึกสมองส่วนนี้แบบแคบ ๆ 00:02:31.625 --> 00:02:36.042 ที่อยู่นอกบริบทของชีวิตจริง ที่เราใช้สมองส่วนนี้คิด 00:02:36.875 --> 00:02:39.726 คุณอาจจะใช้แอพฝึกสมอง ด้านบริหารจัดการในโทรศัพท์ของคุณได้เก่ง 00:02:39.750 --> 00:02:43.524 แต่มันจะไม่ช่วยให้คุณเลิกรินน้ำส้ม ลงในชามเชียริโอสสัปดาห์ละสองครั้งได้หรอก NOTE Paragraph 00:02:43.538 --> 00:02:44.643 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:02:44.667 --> 00:02:47.184 หากคุณอยากปรับปรุง สมองด้านบริหารจัดการจริง ๆ 00:02:47.208 --> 00:02:49.393 ในด้านที่สำคัญกับการดำเนินชีวิต 00:02:49.417 --> 00:02:53.167 คุณต้องเข้าใจว่า บริบทมีผลกับมันอย่างไรเสียก่อน NOTE Paragraph 00:02:54.083 --> 00:02:55.684 ฉันจะแสดงให้ดู 00:02:55.708 --> 00:02:58.059 มีการทดสอบที่ดีมากที่เราทำกันในห้องทดลอง 00:02:58.083 --> 00:03:00.309 เพื่อวัดสมองด้านบริหารจัดการในเด็กเล็ก 00:03:00.333 --> 00:03:02.917 เรียกว่า "การจัดเรียงการ์ดตามมิติที่เปลี่ยนไป" 00:03:04.000 --> 00:03:07.434 ในการฝึกนี้ เด็กจะต้องจัดเรียงการ์ดด้วยวิธีหนึ่ง 00:03:07.458 --> 00:03:08.976 อย่างเช่นตามรูปร่าง 00:03:09.000 --> 00:03:11.768 ทำซ้ำเช่นนี้จนกลายเป็นนิสัย 00:03:11.792 --> 00:03:13.976 แล้วเราก็จะขอให้เด็กเปลี่ยน 00:03:14.000 --> 00:03:16.851 และจัดเรียงการด์เดียวกันนั้น ด้วยวิธีอีกวิธีหนึ่ง 00:03:16.875 --> 00:03:18.208 อย่างเรียงตามสี 00:03:19.083 --> 00:03:22.309 เด็กเล็กมาก ๆ พบว่ามันยาก 00:03:22.333 --> 00:03:25.934 เด็กสามสี่ขวบจะจัดเรียงการ์ดด้วยวิธีเดิม 00:03:25.958 --> 00:03:29.333 ไม่ว่าคุณจะเตือนพวกเขากี่ครั้ง ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร NOTE Paragraph 00:03:30.125 --> 00:03:33.309 (วิดีโอ) ผู้หญิง: ถ้าสีน้ำเงิน เอามาวางตรงนี้ ส่วนสีแดง วางตรงนี้ 00:03:33.333 --> 00:03:34.583 นี่ อันนี้สีน้ำเงิน NOTE Paragraph 00:03:35.083 --> 00:03:37.351 โอเค ทีนี้เราจะเล่นเกมใหม่นะ 00:03:37.375 --> 00:03:39.601 เราจะไม่เล่นเกมสีแล้ว 00:03:39.625 --> 00:03:41.518 เราจะเล่นเกมรูปร่างแทน 00:03:41.542 --> 00:03:42.809 และในเกมรูปร่างนี้ 00:03:42.833 --> 00:03:46.059 รูปดาว เอามาวางตรงนี้ รูปรถบรรทุกทั้งหมดวางตรงนี้ โอเคไหม 00:03:46.083 --> 00:03:48.143 ดาวตรงนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ NOTE Paragraph 00:03:48.167 --> 00:03:49.458 ดาวไปทางไหนคะ NOTE Paragraph 00:03:50.667 --> 00:03:52.226 รถบรรทุกไปทางไหนคะ NOTE Paragraph 00:03:52.250 --> 00:03:53.518 เยี่ยมเลย NOTE Paragraph 00:03:53.542 --> 00:03:55.851 เอาละ ดาวมาทางนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ 00:03:55.875 --> 00:03:57.125 อ้ะ นี่รถบรรทุก NOTE Paragraph 00:03:58.542 --> 00:04:00.351 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:04:00.375 --> 00:04:02.643 ดาวตรงนี้ รถบรรทุกมาทางนี้ 00:04:02.667 --> 00:04:03.917 นี่ ดาว NOTE Paragraph 00:04:05.208 --> 00:04:07.559 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:04:07.583 --> 00:04:09.476 SB: มันน่าสนใจจริงๆ 00:04:09.500 --> 00:04:13.601 และเห็นได้ชัดว่าเมื่อใดที่เธอ ไม่ได้ใช้สมองด้านบริหารจัดการ 00:04:13.625 --> 00:04:14.893 แต่นี่แหละ 00:04:14.917 --> 00:04:17.642 เราสามารถฝึกเธอให้ทำแบบฝึก อย่างนี้หรือแบบอื่นที่คล้ายกัน 00:04:17.666 --> 00:04:19.684 และในที่สุดเธอก็จะทำได้ดี 00:04:19.708 --> 00:04:20.976 แต่นั่นหมายความว่า 00:04:21.000 --> 00:04:24.268 สมองด้านบริหารจัดการของเธอจะทำงานได้ดีขึ้น นอกห้องทดลองอย่างนั้นหรือ 00:04:24.292 --> 00:04:27.726 ไม่ใช่แน่ เพราะในชีวิตจริง เธอจะต้องใช้สมองด้านบริหารจัดการ 00:04:27.750 --> 00:04:31.226 ทำมากกว่าแค่สลับจากรูปร่างเป็นสีมากแน่ 00:04:31.250 --> 00:04:34.226 เธอจะต้องสลับจากบวกเป็นคูณ 00:04:34.250 --> 00:04:36.518 จากเอาออกมาเล่นเป็นเก็บเข้าที่ 00:04:36.542 --> 00:04:40.393 จากคิดถึงความรู้สึกของตัวเอง เป็นคิดถึงความรู้สึกของเพื่อน 00:04:40.417 --> 00:04:43.393 และความสำเร็จในชีวิตจริงขึ้นอยู่กับเรื่อง 00:04:43.417 --> 00:04:47.226 อย่างเช่น คุณมีความกระตือรือร้นแค่ไหน และเพื่อนของคุณทำอะไรกันอยู่มั่ง 00:04:47.250 --> 00:04:50.351 มันยังขึ้นอยู่กับกลยุทธที่คุณนำมาใช้ 00:04:50.375 --> 00:04:53.625 เมื่อคุณกำลังใช้สมองด้านบริหารจัดการ ในสถานการณ์เฉพาะอย่างด้วย 00:04:54.667 --> 00:04:58.375 ที่ฉันกำลังจะบอกคือว่า บริบทเป็นสิ่งสำคัญ NOTE Paragraph 00:04:59.250 --> 00:05:01.976 ขอให้ฉันได้ยกตัวอย่างจากงานวิจัยของฉัน ให้คุณเห็นสักหน่อย 00:05:02.000 --> 00:05:06.393 ที่ผ่านมาไม่นานนี้ ฉันได้นำกลุ่มเด็ก มาทำการทดสอบคลาสสิกเรื่องมาร์ชเมลโล 00:05:06.417 --> 00:05:08.601 ที่วัดเรื่องความอดทนรอคอย 00:05:08.625 --> 00:05:11.750 ซึ่งต้องใช้สมองด้านบริหารจัดการอย่างหนัก 00:05:12.708 --> 00:05:14.559 คุณอาจเคยได้ยินเรื่องการทดสอบนี้มาแล้ว 00:05:14.583 --> 00:05:16.601 ง่าย ๆ คือเด็ก ๆ ต้องเลือก 00:05:16.625 --> 00:05:18.934 ว่าเขาจะกินมาร์ชเมลโลชิ้นนึงไปเลยก็ได้ 00:05:18.958 --> 00:05:21.351 หรือรอ หากเขารอฉันกลับมาจากอีกห้องนึง 00:05:21.375 --> 00:05:22.893 เพื่อไปเอามาร์ชเมลโลมาเพิ่ม 00:05:22.917 --> 00:05:24.708 เขาก็จะได้กินสองชิ้น 00:05:25.417 --> 00:05:29.434 เด็กส่วนใหญ่อยากได้มาร์ชเมลโลชิ้นที่สอง 00:05:29.458 --> 00:05:32.684 แต่คำถามก็คือ เด็ก ๆ รอได้นานกันแค่ไหน NOTE Paragraph 00:05:32.708 --> 00:05:33.809 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:05:33.833 --> 00:05:37.833 ฉันเพิ่มมุมเข้าไปอีกอย่าง เพื่อดูผลกระทบของบริบท 00:05:38.750 --> 00:05:41.726 ฉันบอกเด็กแต่ละคนว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่ม 00:05:41.750 --> 00:05:43.393 กลุ่มสีเขียว 00:05:43.417 --> 00:05:46.559 ฉันให้เด็กใส่เสื้อยืดสีเขียว 00:05:46.583 --> 00:05:50.684 และบอกว่ากลุ่มของหนู รอมาร์ชเมลโลสองชิ้นนะ 00:05:50.708 --> 00:05:53.059 แตอีกกลุ่มนึงน่ะ กลุ่มสีส้ม 00:05:53.083 --> 00:05:54.351 เขาไม่รอล่ะ" 00:05:54.375 --> 00:05:55.851 หรือฉันบอกเขาในทางตรงกันข้าม 00:05:55.875 --> 00:05:57.934 "กลุ่มหนูไม่รอเอามาร์ชเมลโลสองชิ้น 00:05:57.958 --> 00:06:00.018 แต่อีกกลุ่มหนึ่งเขารอนะ" 00:06:00.042 --> 00:06:02.351 และฉันก็ทิ้งเด็กคนนั้นไว้ในห้องตามลำพัง 00:06:02.375 --> 00:06:05.208 แล้วแอบดูพวกเขาผ่านเว็บแคม ว่าเขาจะรอได้นานแค่ไหน NOTE Paragraph 00:06:05.792 --> 00:06:09.851 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:09.875 --> 00:06:13.643 สิ่งที่ฉันค้นพบคือ เด็กที่เชื่อว่า 00:06:13.667 --> 00:06:15.809 เขาอยู่ในกลุ่มที่รอมาร์ชเมลโลสองชิ้น 00:06:15.833 --> 00:06:18.667 มีแนวโน้มที่จะรอด้วย 00:06:20.042 --> 00:06:24.476 กลุ่มเพื่อนจึงมีอิทธิพลต่อเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่เคยพบกันเลย NOTE Paragraph 00:06:24.500 --> 00:06:25.893 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:25.917 --> 00:06:27.601 เจ๋งไปเลย ใช่ไหมคะ 00:06:27.625 --> 00:06:30.226 ด้วนผลการทดลองนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ 00:06:30.250 --> 00:06:34.750 ว่าเด็ก ๆ ก็แค่ทำตามคนในกลุ่มหรือ มันจะเป็นเพราะอะไรที่ลึกไปกว่านั้น 00:06:35.333 --> 00:06:37.018 ฉันจึงเชิญเด็ก ๆ มาเพิ่มอีก 00:06:37.042 --> 00:06:42.059 หลังจากที่ทำการทดสอบเรื่องมาร์ชเมลโลแล้ว ฉันก็ได้ให้เด็กดูภาพของเด็กคู่หนึ่ง 00:06:42.083 --> 00:06:45.768 และบอกเด็กคนนั้นว่า"หนึ่งในสองของเด็กในภาพ ชอบที่จะได้ของเลยโดยไม่รอ 00:06:45.792 --> 00:06:47.768 อย่างคุกกี้และสติ้กเกอร์ 00:06:47.792 --> 00:06:49.309 ส่วนอีกคนหนึ่ง เขารอได้ 00:06:49.333 --> 00:06:51.809 เพื่อจะได้ของพวกนี้มากขึ้น 00:06:51.833 --> 00:06:53.101 และฉันก็ถามเขาว่า 00:06:53.125 --> 00:06:55.268 "หนูชอบเด็กคนไหนมากกว่า 00:06:55.292 --> 00:06:57.083 คนไหนที่หนูอยากจะเล่นด้วยมากกว่า" 00:06:57.833 --> 00:07:01.684 ที่พบคือ เด็กที่เชื่อว่ากลุ่มของเขารอได้ 00:07:01.708 --> 00:07:05.125 มีแนวโน้มที่จะชอบเด็กที่ชอบรอ 00:07:05.958 --> 00:07:10.083 ดังนั้นการเรียนรู้ว่ากลุ่มของเขารอได้ ทำให้เด็กคนนั้นเห็นคุณค่าของการรอมากขึ้น 00:07:10.958 --> 00:07:12.726 ไม่เพียงเท่านั้น 00:07:12.750 --> 00:07:15.059 เด็กเหล่านี้มีแนวโน้ม ที่จะใช้สมองด้านบริหารจัดการ 00:07:15.083 --> 00:07:18.143 ในการสร้างกลยุทธ์ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถรอได้อีกด้วย 00:07:18.167 --> 00:07:21.643 อย่างเช่น นั่งทับมือตนเอง หรือหันหลังให้กับมาร์ชเมลโล 00:07:21.667 --> 00:07:24.768 หรือร้องเพลงเพื่อหันเหความสนใจของตนเอง NOTE Paragraph 00:07:24.792 --> 00:07:26.417 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:07:27.500 --> 00:07:32.059 สิ่งที่มันแสดงให้เห็นไม่เพียงแค่ว่า บริบทมีความสำคัญมากขนาดไหนเท่านั้น 00:07:32.083 --> 00:07:35.643 ไม่ใช่ว่าเด็กเหล่านี้มีสมอง ด้านบริหารจัดการที่ดีหรือไม่ดี 00:07:35.667 --> 00:07:38.667 แต่บริบทช่วยให้พวกเขา ใช้มันได้ดีขึ้นต่างหาก NOTE Paragraph 00:07:40.417 --> 00:07:43.542 แล้วมันมีความหมายอย่างไร กับคุณและลูก ๆ ของคุณ 00:07:44.500 --> 00:07:47.143 อย่าง ถ้าคุณอยากเรียนภาษาสเปน 00:07:47.167 --> 00:07:48.893 คุณอาจจะลองเปลี่ยนบริบทดู 00:07:48.917 --> 00:07:52.851 และไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ต้องการเรียน 00:07:52.875 --> 00:07:55.893 และจะยิ่งดีไปกว่านั้น หากพวกเขาเป็นคนที่คุณชอบด้วย 00:07:55.917 --> 00:07:59.333 ด้วยวิธีนี้ คุณก็จะมีแรงจูงใจ ในการใช้สมองด้านบริหารจัดการมากขึ้น 00:08:00.167 --> 00:08:04.434 หรือถ้าคุณอยากช่วยให้ลูกของคุณ ทำการบ้านเลขได้ดีขึ้น 00:08:04.458 --> 00:08:07.601 คุณก็สอนให้ลูกใช้กลยุทธ์ ในการใช้สมองด้านบริหารจัดการได้ 00:08:07.625 --> 00:08:09.559 ในบริบทบางอย่าง 00:08:09.583 --> 00:08:12.726 เช่น เก็บมือถือเสียก่อนที่จะเริ่มการเรียน 00:08:12.750 --> 00:08:16.333 หรือวางแผนให้รางวัล เมื่อลูกเรียนครบหนึ่งชั่วโมง NOTE Paragraph 00:08:17.083 --> 00:08:20.351 ฉันไม่ได้บอกว่าบริบท เป็นทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ 00:08:20.375 --> 00:08:25.351 ความสามารถของสมองด้านบริหารจัดการนั้น ซับซ้อนมากและขึ้นกับหลายปัจจัย 00:08:25.375 --> 00:08:26.893 แต่สิ่งที่ฉันอยากให้คุณจำก็คือ 00:08:26.917 --> 00:08:29.434 หากคุณต้องการปรับปรุงความสามารถ ของสมองด้านบริหารจัดการ 00:08:29.458 --> 00:08:31.809 ในแง่มุมหนึ่งใดของชีวิต 00:08:31.833 --> 00:08:33.976 อย่าไปหาทางแก้แบบฉับพลัน 00:08:34.000 --> 00:08:35.268 ให้คิดถึงบริบท 00:08:35.292 --> 00:08:38.226 และวิธีที่ทำให้เป้าหมายของคุณ มีความหมายต่อตัวคุณมากขึ้น 00:08:38.250 --> 00:08:39.726 และวิธีการใช้กลยุทธ์ 00:08:39.750 --> 00:08:42.125 เพื่อช่วยตัวคุณเองในสถานการณ์เฉพาะนั้น 00:08:43.332 --> 00:08:48.726 ฉันคิดว่ากรีกโบราณรู้ดีที่สุด เขากล่าวว่า "ให้รู้จักตัวเอง" 00:08:48.750 --> 00:08:53.059 ส่วนสำคัญของวิธีนี้คือการรู้ว่า บริบทส่งผลต่อพฤติกรรมของคุณอย่างไร 00:08:53.083 --> 00:08:56.893 และคุณจะใช้ความรู้นั้น มาเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร NOTE Paragraph 00:08:56.917 --> 00:08:58.184 ขอบคุณค่ะ NOTE Paragraph 00:08:58.208 --> 00:09:01.333 (เสียงปรบมือ)