0:00:00.000,0:00:00.760 0:00:00.760,0:00:03.400 ในพจน์นี้ เราจะหารพหุนามดีกรีสาม 0:00:03.400,0:00:06.300 ด้วยพหุนามดีกรีหนึ่ง 0:00:06.300,0:00:08.360 และเราเขียนพจน์นี้ให้รูปอย่างง่ายโดยใช้ 0:00:08.360,0:00:10.229 การหารยาวพีชคณิตแบบดั้งเดิม 0:00:10.229,0:00:12.020 แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงในวิดีโอนี้ 0:00:12.020,0:00:13.436 คือเทคนิคที่ต่างออกไปเล็กน้อย 0:00:13.436,0:00:15.990 และเราเรียกมันว่าการหารสังเคราะห์ 0:00:15.990,0:00:17.640 และการหารสังเคราะห์ดูเหมือน 0:00:17.640,0:00:20.470 มนตร์ดำในวิดีโอนี้ 0:00:20.470,0:00:21.886 ในวิดีโอต่อๆ ไป เราจะ 0:00:21.886,0:00:24.450 คิดว่าทำไมมันจึงสมเหตุสมผล ทำไมคุณถึง 0:00:24.450,0:00:28.690 ได้ผลเหมือนกับการหารยาวแบบพีชคณิต 0:00:28.690,0:00:29.540 ดั้งเดิม 0:00:29.540,0:00:32.830 ความเห็นส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ[br]การหารสังเคราะห์ 0:00:32.830,0:00:35.240 เพราะมันเป็นวิธีที่เน้นขั้นตอนมากๆๆ 0:00:35.240,0:00:38.150 ผมชอบการหารยาวดั้งเดิมมากกว่า 0:00:38.150,0:00:40.670 แต่ผมว่าคุณจะเห็นว่ามันมีประโยชน์ 0:00:40.670,0:00:41.950 มันเร็วกว่า 0:00:41.950,0:00:44.900 และมันใช้ที่ทำในกระดาษน้อยกว่ามาก 0:00:44.900,0:00:47.380 ลองทำการหารสังเคราะห์นี้กัน 0:00:47.380,0:00:49.750 ลองเขียนพจน์นี้ในรูปอย่างง่ายกัน 0:00:49.750,0:00:52.640 ก่อนที่เราจะเริ่ม มีสิ่งสำคัญสองอย่าง 0:00:52.640,0:00:53.450 ที่ต้องคิดในใจ 0:00:53.450,0:00:55.400 เราจะทำการหารสังเคราะห์ 0:00:55.400,0:00:56.730 ในรูปที่ง่ายที่สุด 0:00:56.730,0:00:59.940 และเวลาทำขั้นตอนพื้นฐานที่สุด กระบวนการ 0:00:59.940,0:01:01.650 ที่พื้นที่ฐานที่สุด เราต้องดูสองอย่าง 0:01:01.650,0:01:04.370 ในพจน์ล่างนี้ 0:01:04.370,0:01:09.970 อย่างแรกคือว่ามันต้องมีพหุนามดีกรี 1 0:01:09.970,0:01:11.262 คุณมีแค่ x ตรงนี้ 0:01:11.262,0:01:13.220 คุณจะไม่มี x กำลังสอง, x กำลังสาม 0:01:13.220,0:01:15.220 และ x กำลังสี่ อะไรพวกนั้น 0:01:15.220,0:01:19.470 อีกอย่างคือว่า สัมประสิทธิ์ตรงนี้คือ 1 0:01:19.470,0:01:21.910 มีวิธีทำถ้าสัมประสิทธิ์ต่างออกไป 0:01:21.910,0:01:23.493 แต่การหารสังเคราะห์ของเรา เราจะ 0:01:23.493,0:01:26.329 ต้องเพิ่มเติมเครื่องมืออีกนิดหน่อย 0:01:26.329,0:01:27.870 โดยทั่วไป สิ่งที่ผมจะแสดง 0:01:27.870,0:01:30.170 ให้คุณดูตอนนี้ถ้าคุณมีอะไรสักอย่าง 0:01:30.170,0:01:33.580 ในรูป x บวกหรือลบจำนวนอื่น 0:01:33.580,0:01:35.230 เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว 0:01:35.230,0:01:38.114 ลองทำการหารสังเคราะห์กัน 0:01:38.114,0:01:39.530 สิ่งแรกที่ผมจะทำ 0:01:39.530,0:01:42.260 คือเขียนสัมประสิทธิ์สำหรับพหุนามนี้ 0:01:42.260,0:01:43.800 ที่อยู่ในตัวเศษ 0:01:43.800,0:01:45.230 ลองเขียนทั้งหมดลงไป 0:01:45.230,0:01:47.210 เรามี 3 0:01:47.210,0:01:50.780 เรามี 4 นั่นคือบวก 4 0:01:50.780,0:01:54.460 เรามีลบ 2 0:01:54.460,0:01:55.900 และลบ 1 0:01:55.900,0:01:59.670 0:01:59.670,0:02:02.380 และคุณจะเห็นแต่ละคนวาดเครื่องหมาย 0:02:02.380,0:02:04.220 ต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเขาทำ[br]การหารสังเคราะห์อย่างไร 0:02:04.220,0:02:05.800 แต่นี่คืออันที่พื้นฐานที่สุด 0:02:05.800,0:02:07.350 และคุณอยากเว้นที่ว่างตรงนี้ไว้ 0:02:07.350,0:02:08.473 สำหรับเลขอีกแถวหนึ่ง 0:02:08.473,0:02:11.000 นั่นคือสาเหตุที่ผมลงมาข้างล่างนี้ 0:02:11.000,0:02:13.130 แล้วเราดูที่ตัวส่วน 0:02:13.130,0:02:15.200 เราจะสนใจเลขที่ x บวกหรือลบอยู่ 0:02:15.200,0:02:17.340 โดยเฉพาะ เลขตรงนี้ 0:02:17.340,0:02:20.570 เราจะดูที่ ตรงนี้ เรามีบวก 4 0:02:20.570,0:02:24.540 แทนที่จะเขียนบวก 4 [br]เราจะเขียนค่าลบของค่านั้น 0:02:24.540,0:02:30.090 เราเขียนค่าลบ ซึ่งก็คือลบ 4 0:02:30.090,0:02:33.470 0:02:33.470,0:02:35.250 และตอนนี้เราตั้งมันขึ้นมา 0:02:35.250,0:02:38.660 เราพร้อมทำการหารสังเคราะห์แล้ว 0:02:38.660,0:02:40.150 และมันจะดูเหมือนมนตร์ดำ 0:02:40.150,0:02:43.350 ในวิดีโอต่อๆ ไป [br]เราจะอธิบายว่าทำไมมันจึงใช้ได้ 0:02:43.350,0:02:45.700 อย่างแรก สัมประสิทธิ์แรกนี้ เราแค่ 0:02:45.700,0:02:47.130 ดึงมันลงมา 0:02:47.130,0:02:48.990 แล้วคุณใส่ 3 ตรงนั้น 0:02:48.990,0:02:53.200 แล้วคุณคูณอะไรก็ตามที่มีตรงนี้ด้วยลบ 4 0:02:53.200,0:02:55.820 คุณก็คูณมันด้วยลบ 4 0:02:55.820,0:02:59.840 3 คูณลบ 4 เท่ากับลบ 12 0:02:59.840,0:03:02.820 แล้วคุณบวก 4 กับลบ 12 0:03:02.820,0:03:06.960 4 บวกลบ 12 เป็นลบ 8 0:03:06.960,0:03:10.500 แล้วคุณคูณลบ 8 ด้วยลบ 4 0:03:10.500,0:03:12.480 ผมว่าคุณคงเห็นรูปแบบ 0:03:12.480,0:03:17.610 ลบ 8 คูณลบ 4 เป็นบวก 32 0:03:17.610,0:03:21.180 ทีนี้เราบวกลบ 2 บวก บวก 32 0:03:21.180,0:03:24.400 มันจะได้บวก 30 0:03:24.400,0:03:28.600 แล้วคุณคูณบวก 30 กับลบ 4 0:03:28.600,0:03:34.200 และนั่นให้ค่าลบ 120 0:03:34.200,0:03:38.220 แล้วคุณบวกลบ 1 บวกลบ 120 0:03:38.220,0:03:43.272 และคุณได้ลบ 121 0:03:43.272,0:03:44.980 ทีนี้สิ่งสุดท้ายที่คุณทำคือว่า 0:03:44.980,0:03:45.970 ผมมีหนึ่งเทอมตรงนี้ 0:03:45.970,0:03:47.924 และในการหารสังเคราะห์เวอร์ชั่นเรียบๆ นี้ 0:03:47.924,0:03:50.090 เราสนใจแค่ 0:03:50.090,0:03:51.820 เวลาเรามี x บวกหรือลบอะไรสักอย่าง 0:03:51.820,0:03:53.760 คุณจะมีหนึ่งเทอมตรงนี้ 0:03:53.760,0:03:57.760 คุณแยกเทอมหนึ่งออกมา[br]จากทางขวา อย่างนั้น 0:03:57.760,0:03:59.770 และเราได้คำตอบของเรา 0:03:59.770,0:04:02.250 ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนมนตร์ดำ 0:04:02.250,0:04:07.230 เวลาเขียนในรูปอย่างง่าย คุณจะได้[br]คุณพร้อมตีกลองฉลองแล้ว 0:04:07.230,0:04:11.040 ตรงนี้ ค่านี่ตรงนี้ 0:04:11.040,0:04:13.750 มันจะเทอมคงที่ 0:04:13.750,0:04:15.460 คุณคิดเป็นเทอมดีกรี 0 ก็ได้ 0:04:15.460,0:04:16.769 นี่ก็คือเทอม x 0:04:16.769,0:04:18.928 และนี่ก็คือเทอม x กำลังสอง 0:04:18.928,0:04:20.594 คุณสร้างมันจากตรงนี้ได้ 0:04:20.594,0:04:22.520 เช่นตัวแรกนี้จะเป็นค่าคงที่ 0:04:22.520,0:04:24.810 แล้วอันนี้จะเป็นเทอม x [br]แล้วก็เทอม x กำลังสอง 0:04:24.810,0:04:26.851 ถ้าเรามีอีกเทอม เราจะมี x กำลังสาม 0:04:26.851,0:04:28.740 x กำลังสี่ ไปเรื่อยๆ 0:04:28.740,0:04:41.750 ค่านี้จึงเท่ากับ 3x กำลังสองลบ 8x บวก 30 0:04:41.750,0:04:44.420 0:04:44.420,0:04:46.060 และอันนี้ตรงนี้ คุณมองมันเป็น 0:04:46.060,0:04:53.910 เศษได้ จึงเป็นลบ 121 ส่วน x บวก 4 0:04:53.910,0:04:55.740 อันนี้หารไม่ลงตัว 0:04:55.740,0:05:00.397 ส่วน x บวก 4 0:05:00.397,0:05:02.730 อีกวิธีที่คุณทำได้ คุณก็บอกได้ว่า 0:05:02.730,0:05:03.760 นี่คือเศษ 0:05:03.760,0:05:07.850 ผมจะได้ลบ 121 ส่วน x บวก 4 0:05:07.850,0:05:13.222 และอันนี้จะเท่ากับ[br]บวก 30 ลบ 8x บวก 3x กำลังสอง 0:05:13.222,0:05:14.680 หวังว่าคุณคงพอเข้าใจนะ 0:05:14.680,0:05:16.510 ผมจะทำตัวอย่างอีกอันในวิดีโอหน้า 0:05:16.510,0:05:19.795 แล้วเราค่อยคิดว่าทำไมมันถึงใช้ได้กัน 0:05:19.795,0:05:20.295