WEBVTT 00:00:06.824 --> 00:00:08.004 หลายพันปีมาแล้ว 00:00:08.004 --> 00:00:12.414 ผู้คนในอังกฤษใช้โลหะสัมฤทธิ์ ในการสร้างเครื่องมือและเครื่องประดับ 00:00:12.414 --> 00:00:15.060 และเพื่อเป็นสกุลเงิน ในการแลกเปลี่ยน 00:00:15.060 --> 00:00:19.100 แต่ในราว 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้น 00:00:19.100 --> 00:00:25.120 มูลค่าของสัมฤทธิ์ตกต่ำ ก่อให้เกิดความโกลาหลและวิกฤตเศรษฐกิจ 00:00:25.120 --> 00:00:28.766 ซึ่งในทุกวันนี้เราเรียกว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย NOTE Paragraph 00:00:28.766 --> 00:00:30.646 อะไรคือสาเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอย 00:00:30.646 --> 00:00:35.066 คำถามนี้เป็นประเด็นถกเถียง อย่างเผ็ดร้อนในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ 00:00:35.066 --> 00:00:36.546 เพื่อหาเหตุผลดีๆ 00:00:36.546 --> 00:00:39.866 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเป็น กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างไม่รุนแรง 00:00:39.866 --> 00:00:42.596 ในประเทศหนึ่งซึ่งกินเวลานานเป็นเดือน ๆ 00:00:42.596 --> 00:00:47.406 หรือตกต่ำในระดับโลกที่กินเวลานานเป็นปี ๆ 00:00:47.406 --> 00:00:49.846 หรือระดับอื่น ๆ ในระหว่างนั้น 00:00:49.846 --> 00:00:51.376 ในความซับซ้อนมากไปกว่านั้น 00:00:51.376 --> 00:00:55.026 มีปัจจัยอีกนับไม่ถ้วน ที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ 00:00:55.026 --> 00:00:59.026 ซึ่งเป็นการยากที่จะหาสาเหตุที่เฉพาะเจาะจง NOTE Paragraph 00:00:59.026 --> 00:01:01.666 ดังนั้นเป็นการง่ายหากเราเริ่มมองจากภาพรวม 00:01:01.666 --> 00:01:04.776 ภาวะถดถอยปรากฎขึ้นเมื่อมีความปั่นป่วน 00:01:04.776 --> 00:01:07.636 ในการรักษาสมดุล ระหว่างความต้องการซื้อและขาย 00:01:07.636 --> 00:01:11.116 มีความไม่สอดคล้องกันระหว่าง จำนวนสินค้าที่ผู้คนต้องการซื้อ 00:01:11.116 --> 00:01:14.256 กับจำนวนสินค้าและบริการ ที่ผู้ผลิตสามารถเสนอขาย 00:01:14.256 --> 00:01:19.966 และราคาขายของสินค้าและบริการ นั้นเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจตกต่ำ NOTE Paragraph 00:01:19.966 --> 00:01:23.156 ความสัมพันธ์ระหว่าง เศรษฐกิจกับความต้องการซื้อและขาย 00:01:23.156 --> 00:01:27.236 สะท้อนภาพให้เห็นใน อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย NOTE Paragraph 00:01:27.236 --> 00:01:31.686 ภาวะเงินเฟ้อ เกิดขึ้นเมื่อราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น 00:01:31.686 --> 00:01:35.080 ในอีกด้านหนึ่ง มูลค่าของเงินลดลง 00:01:35.080 --> 00:01:38.950 ถึงกระนั้น เงินเฟ้อไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป 00:01:38.950 --> 00:01:43.570 ในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อต่ำ เป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 00:01:43.570 --> 00:01:46.770 แต่อัตราเงินเฟ้อสูง ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการซื้อที่สูง 00:01:46.770 --> 00:01:52.520 สามารถสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งนำไปสู่ภาวะถดถอยได้ NOTE Paragraph 00:01:52.520 --> 00:01:54.020 ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ย 00:01:54.020 --> 00:01:58.390 สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนของการก่อหนี้ สำหรับบุคคลหรือบริษัท 00:01:58.390 --> 00:02:01.600 อัตรดอกเบี้ยโดยทั่วไป เป็นอัตราร้อยละต่อปีของเงินกู้ 00:02:01.600 --> 00:02:05.720 ที่ลูกหนี้จ่ายให้เจ้าหนี้ จนกว่าจะชำระหนี้ครบ 00:02:05.720 --> 00:02:09.790 อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำนั้นหมายถึง บริษัทสามารถกู้ยืมเงินได้มากขึ้น 00:02:09.790 --> 00:02:12.490 นั่นทำให้พวกเขาสามารถนำไปลงทุน ในหลายโครงการมากขึ้น 00:02:12.490 --> 00:02:17.290 ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยสูง จะเพิ่มต้นทุนของผู้ผลิตและผู้บริโภค 00:02:17.290 --> 00:02:19.565 ฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ช้าลง NOTE Paragraph 00:02:19.565 --> 00:02:22.555 ความผันผวนของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย 00:02:22.555 --> 00:02:25.385 ช่วยให้เราเข้าใจสภาพเศรษฐกิจดียิ่งขึ้น 00:02:25.385 --> 00:02:29.385 ว่าแต่อะไรคือสาเหตุ ของความผันผวนตั้งแต่ต้น NOTE Paragraph 00:02:29.385 --> 00:02:33.605 สาเหตุที่ชัดที่สุดคือเรื่องคาดไม่ถึง อย่างภัยพิบัติทางธรรมชาติ สงคราม 00:02:33.605 --> 00:02:35.717 และปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ 00:02:35.717 --> 00:02:37.237 ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหว 00:02:37.237 --> 00:02:42.247 สามารถทำลายสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ เช่น น้ำมัน 00:02:42.247 --> 00:02:47.557 ทำให้ฝั่งผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ ต้องขึ้นราคาสินค้าที่พึ่งพิงการใช้น้ำมัน 00:02:47.557 --> 00:02:51.935 ส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้าต่ำลง และเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย NOTE Paragraph 00:02:51.935 --> 00:02:55.624 แต่ในบางครั้ง ภาวะถดถอยเกิดขึ้นได้ ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง 00:02:55.624 --> 00:02:59.044 เป็นไปได้แม้กระทั่งเนื่องจาก เศรษฐกิจรุ่งเรือง 00:02:59.044 --> 00:03:03.344 นักเศรษฐศาสตร์บางท่านเชื่อว่า กิจกรรมทางธุรกิจจากการขยายตลาด 00:03:03.344 --> 00:03:06.608 มีโอกาสไปถึงระดับที่ไม่ยั่งยืน 00:03:06.608 --> 00:03:10.548 ตัวอย่างเช่น บริษัทและผู้บริโภค อาจกู้ยืมเงินมากขึ้น 00:03:10.548 --> 00:03:14.828 โดยคาดว่าเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต จะช่วยให้รับมือกับภาระหนี้สินที่มากขึ้นได้ 00:03:14.828 --> 00:03:18.381 แต่หากเศรษฐกิจไม่โตเร็วดังที่คาดไว้ 00:03:18.381 --> 00:03:21.341 ในท้ายที่สุดพวกเขาอาจจมอยู่กับกองหนี้ ที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้ 00:03:21.341 --> 00:03:25.051 เพื่อการชำระหนี้พวกเขาจำเป็นต้อง เปลี่ยนทิศทางเงินทุนจากส่วนอื่นๆ ในธุรกิจ 00:03:25.051 --> 00:03:27.471 หรือลดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจลง NOTE Paragraph 00:03:27.471 --> 00:03:30.391 ในด้านจิตวิทยาก็เป็นปัจจัยสนับสนุน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เช่นกัน 00:03:30.391 --> 00:03:34.551 ความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย จะเป็นดังการพยากรณ์ที่ย้ำความเชื่อของตน 00:03:34.551 --> 00:03:38.550 หากความกลัวทำให้ผู้คน ยับยั้งการใช้จ่ายและลงทุน 00:03:38.550 --> 00:03:41.850 ในการรับมือกับเรื่องนี้ ผู้ผลิตอาจตัดลดต้นทุนการดำเนินการ 00:03:41.850 --> 00:03:44.930 เพื่อช่วยรับมือกับความต้องการซื้อสินค้า ที่ลดลงตามที่คาดการณ์ไว้ 00:03:44.930 --> 00:03:49.810 ซึ่งจะนำไปสู่วงจรการตัดลดต้นทุน แม้กระทั่งการลดค่าจ้าง 00:03:49.810 --> 00:03:52.800 นำไปสู่ความต้องการซื้อสินค้าที่ต่ำลงไปอีก NOTE Paragraph 00:03:52.800 --> 00:03:57.610 แม้กระทั่งนโยบายที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกัน ภาวะถดถอยสามารถเป็นปัจจัยสนับสนุน 00:03:57.610 --> 00:04:01.740 ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก รัฐบาลและธนาคารกลางอาจพิมพ์เงินเพิ่ม 00:04:01.740 --> 00:04:05.500 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางลง 00:04:05.500 --> 00:04:08.960 ผู้ให้กู้ขนาดเล็กลงไป สามารถลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง 00:04:08.960 --> 00:04:12.470 ส่งผลให้การก่อหนี้ ”ถูกลง” เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย 00:04:12.470 --> 00:04:16.620 แต่นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ผลเสมอไป และอาจจำเป็นต้องกลับทิศทางของนโยบาย 00:04:16.620 --> 00:04:18.822 เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่เกินจำเป็น 00:04:18.822 --> 00:04:23.272 ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของภาวะถดถอย หากผู้คนไว้วางใจในหนี้ราคาถูก 00:04:23.272 --> 00:04:25.202 และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมากเกินไป NOTE Paragraph 00:04:25.202 --> 00:04:30.032 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุคสัมฤทธิ์ ในที่สุดก็จบลงเมื่อเหล็กถูกนำมาใช้ 00:04:30.032 --> 00:04:33.256 ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติทางการเกษตร และการผลิตอาหาร 00:04:33.256 --> 00:04:35.416 การค้าในยุคปัจจุบันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 00:04:35.416 --> 00:04:39.166 ทำให้การค้นหา ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันยากขึ้น 00:04:39.166 --> 00:04:43.486 แต่ทุกๆภาวะถดถอยได้ให้ข้อมูลใหม่ๆกับเรา ในการช่วยคาดการณ์และรับมือ 00:04:43.486 --> 00:04:46.504 กับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น