< Return to Video

ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมเลือนของโรคออทิซึ่ม

  • 0:01 - 0:03
    หลังจากคริสต์มาสปีที่แล้ว
  • 0:03 - 0:07
    เด็ก 132 คนในแคลิฟอร์เนียได้ติดโรคหัด
  • 0:07 - 0:09
    จากใครคนหนึ่งที่ไปเที่ยวสวนสนุกดิสนี่แลนด์
  • 0:09 - 0:12
    หรือได้สัมผัสกับใครบางคนที่มีเชื้อโรคหัด
    ในที่แห่งนั้น
  • 0:12 - 0:15
    เชื้อไวรัสได้กระโดดข้ามพรมแดนแคนาดา
  • 0:15 - 0:19
    ทำให้เด็กมากกว่า 100 คนในควีเบก
    ติดโรคหัดไปด้วย
  • 0:19 - 0:22
    หนึ่งในเรื่องที่น่าสลดใจเกี่ยวกับ
    การระบาดของโรคนี้
  • 0:22 - 0:27
    คือการติดโรคหัดที่อาจรุนแรงปางตาย
    กับเด็กที่ไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
  • 0:27 - 0:31
    วิธีการหนึ่งในการป้องกันที่ง่ายที่สุด
    กับเชื้อโรคในโลกนี้
  • 0:31 - 0:33
    วัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านมัน
  • 0:33 - 0:37
    มีความสามารถมากกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
  • 0:37 - 0:40
    แต่เด็กจำนวนมากที่ติดโรคระบาดไข้หัดนี้
    ในสวนสนุกดิสนี่แลนด์
  • 0:40 - 0:42
    ต่างไม่เคยได้รับวัคซีน
  • 0:42 - 0:44
    เพราะพ่อแม่พวกเขาต่างหวาดกลัว
  • 0:44 - 0:47
    กับบางอย่างที่ถูกกล่าวหาว่าว่าเลวร้ายมาก
  • 0:47 - 0:49
    คือโรคออทิซีม
  • 0:49 - 0:53
    แต่เดี๋ยว แต่ไม่ใช่เอกสารนั่นหรือที่จุดไฟ
    การโต้เถียงอย่างรุนแรง
  • 0:53 - 0:55
    เกี่ยวกับโรคออทิซิมและวัคซีน
  • 0:55 - 0:57
    ถูกหักล้างความคิด ถูกถอนคำพูด
  • 0:57 - 0:59
    ประทับตราการหลอกลวงอย่างไตร่ตรอง
  • 0:59 - 1:01
    โดยวารสารการแพทย์ของอังกฤษ
  • 1:01 - 1:03
    แล้วนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์
  • 1:03 - 1:08
    รู้เรื่องทฤษฏีที่ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุให้
    เกิดโรคออทิซึมในอังกฤษหรือไม่
  • 1:08 - 1:09
    ผมคิดว่าหลายท่านรู้
  • 1:09 - 1:12
    แต่พ่อแม่นับล้านคนทั่วโลก
  • 1:12 - 1:17
    ยังหวาดวิตกอย่างต่อเนื่องเรื่องวัคซีน
    ทำให้ลูก ๆ มีความเสี่ยงกับโรคออทิซีม
  • 1:17 - 1:18
    ทำไม
  • 1:19 - 1:20
    นี่คือเหตุผลว่าทำไม
  • 1:20 - 1:25
    นี่คือกราฟแสดงความชุกของโรคออทิซึม
    ที่ประมาณการที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
  • 1:25 - 1:27
    มีจำนวนที่มากที่สุดในศตวรรษที่ 20
  • 1:27 - 1:31
    โรคออทิซึมคาดว่ามีเงื่อนไขที่เป็นยากมาก
    กลายเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
  • 1:31 - 1:34
    มีนักจิตวิทยาและกุมารแพทย์น้อยรายมาก
    ที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้
  • 1:34 - 1:37
    แสดงอย่างชัดเจนว่าพวกเขาน่าจะเคยพบคนไข้บ้าง
    จากงานอาชีพประจำ
  • 1:37 - 1:40
    น่าจะเคยเห็นไม่ต่ำกว่าเรื่องเดียว
  • 1:40 - 1:44
    หลายสิบปีความชุกของโรคที่ประมาณการ
    ยังคงที่
  • 1:44 - 1:47
    มีเด็กเพียง 3-4 คนใน 10,000 คน
  • 1:47 - 1:49
    ต่อเมื่อในปี ค.ศ. 1990
  • 1:49 - 1:51
    ตัวเลขกลับเริ่มถึบตัวขึ้นสูง
  • 1:51 - 1:55
    องค์กรแสวงหารายได้จากโครงการต่าง ๆ
    เช่น ออทิซึมสปีคส์
  • 1:55 - 1:58
    อ้างอิงเสมอว่าโรคออทิซีมเหมือนโรคระบาด
  • 1:58 - 2:01
    แต่ถ้าคุณสามารถจับโรคนี้ได้จากเด็ก
    อีกคนในสวนสนุกดิสนีแลนด์
  • 2:01 - 2:03
    แล้วอะไรที่จะตามมา
  • 2:03 - 2:06
    ถ้าไม่ใช้วัคซีค แล้วจะใช้อะไร
  • 2:06 - 2:10
    ถ้าคุณถามพนักงานที่พบเจอ
    ที่สำนักงานกลางเพื่อควบคุมโรคในแอตลันต้า
  • 2:10 - 2:12
    อะไรที่จะเกิดขึ้น
  • 2:12 - 2:16
    พวกเขามีแนวโน้มที่จะตอบด้วยวลีว่า
    "วิธีการวินิจฉัยโรคที่แพร่ขยายตัวขึ้น"
  • 2:16 - 2:18
    และ " กำลังค้นกรณีตัวอย่างที่ดีขึ้น "
  • 2:18 - 2:21
    ในการอธิบายจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาก
  • 2:21 - 2:23
    แต่ประเภทของวาทะกรรมนั้น
  • 2:23 - 2:26
    ไม่ได้บรรเทาอาการหวาดผวา
    ของแม่วัยสาวแต่อย่างใด
  • 2:26 - 2:30
    ที่พบว่าเด็กวัยสองขวบที่สัมผัสกับตาได้
  • 2:30 - 2:33
    ถ้าการวินิจฉัยโรคมีการแผร่กระจายแล้ว
  • 2:33 - 2:36
    ทำไม่ถึงอยู่ใกล้กับสถานที่แห่งแรก
  • 2:36 - 2:39
    ทำไมกรณีโรคออทิซึ่มจึงยากกับการค้นพบ
  • 2:39 - 2:41
    ก่อนปี ค.ศ. 1990
  • 2:41 - 2:47
    ห้าปีก่อน ผมตัดสินใจที่จะพยายาม
    ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้
  • 2:47 - 2:49
    ผมเรียนรู้ว่ามีอะไรที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
  • 2:49 - 2:53
    ผลความล่าช้าและการเตือนภัยที่ก้าวหน้า
    ทางวิทยาศาสตร์ทำให้มีข้อมูลน้อยกว่า
  • 2:53 - 2:56
    พลังการเล่าเรื่องราว(ข่าวลือ)ที่หลอกลวง
  • 2:57 - 2:59
    ที่สำคัญที่สุดในศตรวรรษที่ 20
  • 2:59 - 3:01
    แพทย์ที่รักษาโรคได้บอกเล่าเรื่องราวหนึ่ง
  • 3:01 - 3:05
    เกี่ยวกับการเป็นโรคออทิซิมและมีวิธีการ
    ค้นพบได้อย่างไร
  • 3:05 - 3:08
    แต่เรื่องราวนั้นกลับเป็นเรื่องที่ผิดพลาด
  • 3:08 - 3:09
    และคุณลักษณะผลที่ได้ของโรคนี้
  • 3:09 - 3:13
    ได้สร้างผลกระทบสร้างความเสียหายอย่างมากมาย
    กับระบบสุขภาพสาธารณะทั่วโลก
  • 3:13 - 3:17
    มีเรื่องราวลำดับที่ 2 เกี่ยวกับความจริง
    ของเรื่องโรคออทิซึม
  • 3:17 - 3:19
    ที่สูญหายไปแล้วและมีการลืมเลือนไป
  • 3:19 - 3:22
    ในแง่มุมต่าง ๆ ที่คลุมเครือเกี่ยวกับ
    สิ่งตีพิมพ์ทางการแพทย์
  • 3:22 - 3:26
    เรื่องราวที่ 2 นี้บอกเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับ
    ว่าทำไมเราต้องมาที่นี่
  • 3:26 - 3:29
    และเราจะไปทางไหนกันต่อไป
  • 3:29 - 3:34
    เรื่องแรกสุดเริ่มต้นด้วยนักจิตแพทย์เด็ก
    ที่โรงพยาบาลจอห์นส์ ฮ๊อปคินส์
  • 3:34 - 3:36
    ชื่อว่า ลีโอ เคนเนอร์
  • 3:36 - 3:39
    ในปี ค.ศ. 1943 เคนเนอร์ ได้ตีพิมพ์เอกสาร
  • 3:39 - 3:44
    อธิบายว่ามีคนไข้วัยรุ่น 11 คน
    ที่ดูเหมือนว่ามีโลกส่วนตัวของตนเอง
  • 3:44 - 3:46
    ไม่ยอมรับรู้ผู้คนที่อยู่รอบข้าง
  • 3:46 - 3:48
    แม้แต่พ่อแม่ของตนเอง
  • 3:48 - 3:51
    พวกเขาสามารถหัวเราะเองได้เป็นชั่วโมง ๆ
  • 3:51 - 3:53
    ด้วยการกระพือมือขึ้นลงหน้าใบหน้าตนเอง
  • 3:53 - 3:55
    แต่พวกเขาจะรู้สึกตื่นตกใจกับเรื่องจิ๊บ ๆ
  • 3:55 - 3:59
    เช่นของเล่นชิ้นโปรดที่ถูกย้ายไปจากที่เดิม
    ที่วางไว้เป็นประจำ
  • 3:59 - 4:01
    โดยพวกเขาไม่รู้เรื่อง
  • 4:01 - 4:04
    เรื่องนี้ขึ้นกับพ่อแม่เด็กที่ถูกพามาที่
    คลีนิคของเขา
  • 4:04 - 4:07
    เคนเนอร์ได้พิจารณาว่าโรคออทิซึม
    ค่อนข้างหายากมาก
  • 4:07 - 4:12
    ในปี ค.ศ. 1950 ในฐานะผู้นำระดับโลกในเรื่องนี้
  • 4:12 - 4:17
    เขาได้ประกาศว่าเขาได้เห็นกรณีตัวอย่าง
    ของจริงในกลุ่มอาการโรคถึง 150 เรื่อง
  • 4:17 - 4:21
    ในระหว่างลงพื้นที่ภาคสนามในที่ห่างไกล
    ที่ประเทศอัฟริกาใต้
  • 4:21 - 4:24
    ที่นั่นแน่นอนไมน่าแปลกใจแต่อย่างใด
  • 4:24 - 4:27
    เพราะบรรทัดฐานของเคนเนอร์คือ
    การวินิจฉัยโรคออทิซึม
  • 4:27 - 4:29
    ที่มีการคัดเลือกคนไข้มาอย่างไม่น่าเชื่อถือ
  • 4:29 - 4:35
    ตัวอย่างเช่น เขาได้ทำลายขวัญด้วย
    การวินิจฉัยโรคเด็กที่เป็นโรคลมชัก
  • 4:35 - 4:38
    แต่ตอนนี้เรารู้ว่าโรคลมชักเป็นอาการปรกติ
    ของโรคออทิซึม
  • 4:38 - 4:41
    ครั้งหนึ่งเขาได้โวว่าเขาค้นพบเด็ก
    9 ถึง 10 คน
  • 4:41 - 4:45
    ที่ย้ายมาจากคลีนิคอื่นเพื่อมารักษา
    โรคออทิซีมที่คลีนิคของเขา
  • 4:45 - 4:48
    โดยไม่มีการวินิจฉัยโรคออทิซึมแต่อย่างใด
  • 4:49 - 4:51
    เคนเนอร์เป็นคนที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง
  • 4:51 - 4:53
    แต่จำนวนคนในทฤษฏีของเขา
    ไม่ได้จบลงด้วยดีเลย
  • 4:53 - 4:57
    เขาจัดลำดับโรคออทิซึมเป็นรูปแบบ
    จากความผิดปรกติทางจิตตั้งแต่วัยเด็ก
  • 4:57 - 5:01
    มาจากสาเหตุพ่อแม่เด็กที่เย็นชา
    และไม่แสดงออกถึงความรักเด็ก
  • 5:01 - 5:03
    เด็กเหล่านี้ เขากล่าวว่า
  • 5:03 - 5:07
    เหมือนกับถูกแช่ในตู้เย็นใบหนึ่ง
    ที่ไม่ได้ละลายน้ำแข็ง
  • 5:07 - 5:09
    ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม
  • 5:09 - 5:12
    เคนเนอร์สังเกตเห็นว่าบางครั้งคนไข้วัยรุ่น
    ของเขาบางคน
  • 5:12 - 5:16
    มีความสามารถพิเศษในบางเรื่องอย่าง
    เฉพาะเจาะจง
  • 5:16 - 5:19
    เช่น ดนตรี คณิตศาตร์ และความจำ
  • 5:19 - 5:21
    เด็กคนหนึ่งในคลีนิคของเขา
  • 5:21 - 5:25
    สามารถจำแนกความแตกต่างเพลงซิมโฟนี
    18 บทก่อนวัยสองขวบ
  • 5:26 - 5:28
    เมื่อแม่ของเด็กเปิดหนึ่งในเพลงโปรด
    เพลงหนึ่งของเด็ก
  • 5:28 - 5:32
    เขาจะร้องบอกเสียงดังว่า "เบโธเฟน"
  • 5:32 - 5:35
    แต่เคนเนอร์ไม่สนใจสังเกตในเรื่อง
    ความสามารถพิเศษเหล่านี้
  • 5:35 - 5:38
    โดยอ้างว่าเด็กเหล่านี้ต่างเป็นสิ่งของ
    ที่กำลังถูกย้อนคิดย้อนทำ
  • 5:38 - 5:41
    เพราะพวกเขาได้ยินจากพ่อแม่ที่พูดเกินจริง
  • 5:41 - 5:43
    เพราะสิ้นหวังกับการยอมรับในเรื่อง
    ที่ได้รับรู้ของพวกเขา
  • 5:43 - 5:49
    โดยเหตุผลอีกอย่าง โรคออทิซึมเป็นเรื่องที่
    น่าอับอายและอัปยศของหลายครอบครัว
  • 5:49 - 5:51
    และคนสองรุ่นของเด็กที่เป็นโรคออทิซึ่ม
  • 5:51 - 5:55
    ต่างหนีหายไปจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อหนทาง
    ที่พวกเขาคิดว่าดี
  • 5:55 - 5:58
    ด้วยการหายไปจากโลกจำนวนมาก
  • 5:58 - 6:02
    เรื่องที่น่าแปลกใจต้องรอจนถึงปี ค.ศ. 1970
  • 6:02 - 6:08
    นักวิจัยหลายคนจึงเริ่มพิสูจน์ทฤษฏีเคนเนอร์
    เรืองโรคออทิซึมที่ค่อนข้างหายาก
  • 6:08 - 6:11
    ลอร์น่า วิง เป็นนักจิตวิทยาบำบัด
    การเรียนรู้ในลอนดอน
  • 6:11 - 6:15
    ที่คิดว่าทฤษฏีเคนเนอร์เกี่ยวกับ
    ความเป็นพ่อแม่ที่เย็นชาไร้อารมณ์
  • 6:15 - 6:18
    เป็นเรื่อง "งี่เง่าเข้าไส้" ตามที่เธอบอกผม
  • 6:18 - 6:22
    เธอกับจอห์น สามีของเธอต่างเป็นคนอบอุ่น
    และน่ารักใคร่
  • 6:22 - 6:25
    และพวกเขามีลูกสาวที่เป็นโรคออทิซึม
    อย่างเต็มที่ชื่อ ซูซี่
  • 6:25 - 6:30
    ลอร์น่ากับจอห์นต่างรู้ดีว่าเป็นงานหนักมาก
    ในการเลี้ยงดูเด็กอย่างซูซี่
  • 6:30 - 6:32
    ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือในหลายด้าน
  • 6:32 - 6:33
    การศึกษาพิเศษ
  • 6:33 - 6:38
    และทรัพยากรอื่น ๆ ที่สุดเอื้อมถ้าไม่ได้รับ
    การวินิจฉัยโรคนี้
  • 6:38 - 6:40
    เพื่อทำให้เป็นกรณีกับบริการสุขภาพของชาติ
  • 6:40 - 6:46
    ทั้งยังต้องมีทรัพยากรหลายอย่างที่จำเป็นกับ
    เด็กที่เป็นโรคออทิซึมกับครอบครัวของพวกเขา
  • 6:46 - 6:48
    ลอร์น่ากับพื่อนร่วมงานของเธอ จูดิธ กูลด์
  • 6:48 - 6:52
    ได้ตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่ควรจะ
    มีการทำมาแล้วเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านี้
  • 6:52 - 6:57
    ทั้งสองคนทำการศึกษาโรคออทิซีมที่ชุก
    ในกลุ่มประชากรทั่วไป
  • 6:57 - 7:01
    พวกเธอมุ่งเน้นในพื้นที่ของลอนดอน
    ในชุมชนที่เรียกว่า แคมเบอร์เวลล์
  • 7:01 - 7:05
    พยายามที่จะค้นหาเด็กออทิซึมในชุมชน
  • 7:05 - 7:10
    แต่สิ่งที่พวกเธอเห็นทำให้รู้ชัดว่ารูปแบบ
    การศึกษาของเคนเนอร์มีวิธีการที่จำกัดมาก
  • 7:10 - 7:14
    ขณะที่โรคออทิซึมที่แท้จริงมีมากกว่ามาก
    มีชีวิตชีวากับแตกต่างกันมาก
  • 7:15 - 7:17
    เด็กบางคนไม่สามารถพูดได้เลย
  • 7:17 - 7:22
    ขณะที่บางคนไปไกลกว่าด้วยการหลงใหล
    ในเรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์
  • 7:22 - 7:25
    ไดโนเสาร์ หรือ ลำดับการสืบทอดราชวงศ์
  • 7:25 - 7:30
    ในอีกนัยหนึ่ง เด็กเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้
    เรื่องความสุภาพ และการจัดกล่องให้เรียบร้อย
  • 7:30 - 7:32
    หลังจากจูธิทวางไว้ทดสอบ
  • 7:32 - 7:34
    และพวกเธอเห็นเด็กพวกนี้จำนวนมาก
  • 7:34 - 7:38
    มีวิถีชีวิตที่มากกว่ารูปแบบเคนเนอร์
    ที่มีขนาดใหญ่มากกว่าที่เคยทำนายไว้
  • 7:38 - 7:41
    ในต้องแรกพวกเธอแทบจะสูญเสีย
    ความมั่นใจกับข้อมูลเหล่านี้
  • 7:41 - 7:44
    ทำไมไม่มีใครสังเกตเด็กเหล่านี้มาก่อน
  • 7:44 - 7:48
    ต่อมาลอร์นาได้พบเอกสารอ้างอิง
    ที่เคยตีพิมพ์มาก่อนโดยบังเอิญ
  • 7:48 - 7:51
    ในเยอรมันนี ในปี ค.ศ. 1944
  • 7:51 - 7:53
    หนึ่งปีหลังจากเอกสารของเคนเนอร์
  • 7:53 - 7:55
    และแล้วถูกลืมไป
  • 7:55 - 7:57
    ถูกฝังไปกับเถ้าถ่านของช่วงเวลาที่เลวร้าย
    (สงครามโลกครั้งที่ 2)
  • 7:57 - 8:00
    ไม่มีใครต้องการจดจำหรือคิดถึงมันอีก
  • 8:00 - 8:03
    เคนเนอร์ก็รู้ดีเกี่ยวกับเอกสารของคู่แข่ง
  • 8:03 - 8:08
    แต่ได้หลีกเลี่ยงอย่างไร้จริยธรรม
    ที่จะอ้างอิงไว้ในงานของเขา
  • 8:08 - 8:10
    มันไม่เคยมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ
    มาก่อนด้วยแต่อย่างใด
  • 8:10 - 8:13
    แต่โชคดีที่สามีของลอร์น่าพูดภาษาเยอรมัน
  • 8:13 - 8:16
    และเขาได้แปลเอกสารนี้ให้เธอ
  • 8:16 - 8:20
    เอกสารนี้ได้เสนอเรื่องราวทางเลือกอีกทาง
    ให้กับโรคออทิซีม
  • 8:20 - 8:22
    โดยนักเขียนชาย ฮันส์ แอสเปอร์เจอร์
  • 8:22 - 8:26
    ที่ทำงานที่คลีนิครวมแพทย์กับโรงเรียนประจำ
  • 8:26 - 8:28
    ในเวียนนาในปี ค.ศ. 1930
  • 8:28 - 8:32
    แอสเปอร์เจอร์มีแนวคิดในการสอนเด็ก
    ด้วยการเรียนที่แตกต่างหลายอย่าง
  • 8:32 - 8:35
    ที่ก้าวหน้ามากกว่ามาตรฐานต่าง ๆ
    ในยุคร่วมสมัย
  • 8:35 - 8:40
    ทุกเช้าที่คลินิคของเขาจะเริ่มต้นด้วย
    การออกกำลังกายพร้อมเสียงดนตรี
  • 8:40 - 8:43
    และเด็ก ๆ ต่างมีการละเล่นต่าง ๆ ใน
    วันอาทิตย์หลังเที่ยง
  • 8:43 - 8:46
    แทนที่จะโทษพ่อแม่ที่เป็นสาเหตุของ
    โรคออทิซีม
  • 8:46 - 8:51
    เอสเปอร์เจอร์วางเรื่องนี้ไว้ว่าเป็นเรื่อง
    ตลอดชีวิต พันธุกรรมที่บกพร่อง
  • 8:51 - 8:55
    ที่ต้องการรูปแบบความเห็นอกเห็นใจ
    ด้วยการสนับสนุนและการปรับตัว
  • 8:55 - 8:59
    มากกว่าแนวทางปฏิบัติแบบคนทั่วไปตลอดชีวิต
  • 8:59 - 9:01
    แทนที่จะบำบัดรักษาเด็ก ๆ ในคลีนิค
    เหมือนกับพ่อแม่
  • 9:01 - 9:04
    แอสเปอร์เจอร์กับเรียกพวกเด็ก ๆ ว่า
    ศาตราจารย์ตัวน้อย ๆ
  • 9:04 - 9:08
    แล้วระบุว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา
    เพื่อพัฒนาระบบการศึกษา
  • 9:08 - 9:11
    ที่เฉพาะเจาะจงเหมาะสมกับพวกเขา
  • 9:11 - 9:16
    ที่สำคัญมาก เอสเปอร์เจอร์สังเกตโรคออทิซีม
    เหมือนกับความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง
  • 9:16 - 9:21
    สะพานเชื่อมขอบเขตที่น่าประหลาดใจระหว่าง
    อัจฉริยะกับความโง่เขลา
  • 9:22 - 9:25
    เขาเชื่อว่าโรคออทิซึมและการรักษาเป็น
    เรื่องธรรมดา
  • 9:25 - 9:27
    และอย่างที่เป็นมาตลอด
  • 9:27 - 9:32
    โดยการดูจากแง่มุมความต่อเนื่องในต้นแบบ
    ที่คุ้นเคยจากวัฒนธรรมที่นิยมกันทั่วไป
  • 9:32 - 9:35
    คล้ายกับสังคมนักวิทยาศาสตร์ที่งุ่มง่าม
  • 9:35 - 9:37
    และศาตราจารย์ที่ใจลอย
  • 9:37 - 9:39
    เขาไปไกลมากจนพูดได้ว่า
  • 9:39 - 9:43
    ดูเหมือนว่าเป็นความสำเร็จของด้าน
    วิทยาศาตร์กับด้านศิลปศาสตร์
  • 9:43 - 9:46
    คุณสมบัติของโรคออทิซึ่มที่จำเป็นอย่างยิ่ง
  • 9:46 - 9:51
    ลอร์น่ากับจูดิธเชื่อว่าเคนเนอร์ได้ผิดพลาด
    ไปแล้วเรื่องโรคออทิซีมที่หายาก
  • 9:51 - 9:54
    เหมือนกับพ่อแม่เด็กกำลังค้นพบมัน
  • 9:54 - 9:56
    ในอีกเจ็ดปีต่อมา
  • 9:56 - 9:59
    พวกเธอทำงานร่วมกับสมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา
  • 9:59 - 10:02
    ทำให้บรรทัดฐานเรื่องนี้มีการวินิจฉัย
  • 10:02 - 10:06
    เพื่อสะท้อนความหลากหลายของเรื่อง
    ที่เรียกว่าการคาดคะเนโรคออทิซีม
  • 10:06 - 10:09
    ในช่วงหลังยุค 80 จนถึงต้นยุค 90
  • 10:09 - 10:11
    การเปลี่ยนแปลงของพวกเธอสร้างผลกระทบ
  • 10:11 - 10:13
    ลบล้างรูปแบบความคิดคับแคบของเคนเนอร์
  • 10:13 - 10:17
    แทนที่ด้วยรูปแบบที่ครอบคลุมกว้างขวางกว่า
    ของเอสเปอร์เจอร์
  • 10:17 - 10:19
    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน
    สุญญากาศ
  • 10:19 - 10:23
    ด้วยการเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับการที่
    ลอร์น่ากับจูดิธที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
  • 10:23 - 10:25
    ในการปรับปรุงการวินิจฉัยโรค
  • 10:25 - 10:30
    ผู้คนทั่วโลกต่างรับรู้เรื่องโรคออทิซึ่ม
    ในวัยรุ่นเป็นครั้งแรก
  • 10:30 - 10:34
    ก่อนหนังเรื่อง "มนุษย์ฝน"
    จะฉายในปี ค.ศ. 1988
  • 10:34 - 10:38
    มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในระบบจำนวนน้อยมาก
    ที่รู้เกี่ยวกับโรคออทิซึม
  • 10:38 - 10:43
    แต่หลังจากดัสติน ฮอฟแมนต์ ลืมเรื่องศักยภาพ
    ของ เรย์มอนด์ แบพบิตต์
  • 10:43 - 10:46
    ทำให้ "มนุษย์ฝน" ได้รางวัลอเคเดมี่
  • 10:46 - 10:49
    กุมารแพทย์ แพทย์จิตวิทยา
  • 10:49 - 10:54
    ครูและพ่อแม่ทั่วโลกต่างรู้จักโรคออทิซึ่ม
  • 10:54 - 10:56
    ในเวลาเดียวกันโดยบังเอิญ
  • 10:56 - 11:02
    เป็นครั้งแรกที่มีวิธีการง่าย ๆ ของคลีนิค
    นำมาใช้ในการทดสอบอาการโรคออทิซึม
  • 11:02 - 11:07
    โดยไม่จำเป็นต้องไปพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
    จำนวนน้อยอีกเลย
  • 11:07 - 11:09
    เพื่อพัฒนาการลูกของคุณ
  • 11:09 - 11:11
    พันธมิตรจากหนังเรื่อง "มนุษย์ฝน"
  • 11:11 - 11:15
    คือการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่บรรทัดฐาน
    และการเริ่มต้นการทดสอบเหล่านี้
  • 11:15 - 11:18
    ได้สร้างผลกระทบกว้างขวาง
  • 11:18 - 11:21
    การจู่โจมสมบูรณ์แบบกับการรับรู้โรคออทิซึม
  • 11:21 - 11:24
    จำนวนครั้งในการวินิจฉัยโรคได้พุ่งทะยานขึ้น
  • 11:24 - 11:30
    เหมือนกับที่ลอร์น่ากับจูดิธได้พยากรณ์ไว้
    และได้คาดหวังไว้อย่างแท้จริง ว่าจะเป็นเช่นนั้น
  • 11:30 - 11:32
    ทำให้คนที่เป็นออทิซีม
    และครอบครัวยอมเปิดเผยตัวตน
  • 11:32 - 11:36
    ทำให้ในที่สุดได้รับการสนับสนุนและบริการ
    ในด้านต่าง ๆตามที่พวกเธอเรียกร้อง
  • 11:36 - 11:38
    แล้ว แอนดริว เวคฟิลด์ ก็ตามมา
  • 11:38 - 11:42
    การประนามว่าเข็มฉีดยาใช้ใน
    การตรวจโรคจากวัคซีนต่าง ๆ
  • 11:42 - 11:44
    ง่ายแต่ทรงพลัง
  • 11:44 - 11:47
    และเรื่องราวที่น่าเชื่อถือแต่ชักชวน
    ไปในทางผิด ๆ
  • 11:47 - 11:49
    เหมือนที่ผิดพลาดเหมือนกับทฤษฏีเคนเนอร์
  • 11:49 - 11:51
    ว่าโรคออทิซีมหายากมาก
  • 11:51 - 11:55
    ถ้าจากการประมาณการในตอนนี้ของ ซีดีซี
  • 11:55 - 11:59
    มีเด็ก 1 คนในจำนวน 68 คนในอเมริกา
    ที่อยู่ในข่าย ถ้าถูกต้อง
  • 11:59 - 12:03
    โรคออทิซึมเป็นหนึ่งในจำนวน
    คนกลุ่มน้อยที่มากที่สุดในโลก
  • 12:03 - 12:07
    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ คนที่เป็นโรคออทิซึม
    ต่างได้มาพบกันในอินเทอร์เน็ต
  • 12:07 - 12:11
    เพื่อปฏิเสธความเชื่อที่ว่าพวกเขาเป็น
    ปริศนาที่รอการแก้ไข
  • 12:11 - 12:13
    ด้วยการฝ่าฝันอุปสรรคทางการแพทย์ในภายหน้า
  • 12:13 - 12:15
    สร้างคำนิยามว่า ระบบประสาทที่หลากหลาย
  • 12:15 - 12:19
    เพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลาย
    ในการรับรู้ของผู้คน
  • 12:19 - 12:22
    หนึ่งในวิธีการที่จะเข้าใจ
    ระบบประสาทที่หลากหลาย
  • 12:22 - 12:25
    คือให้คิดถึงรูปแบบระบบในร่างกายของมนุษย์
  • 12:25 - 12:30
    เหมือนอย่างว่า พีซีที่ไม่ได้ใช้วินโดส์
    ไม่ได้หมายความว่ามันใช้งานไม่ได้
  • 12:30 - 12:34
    โดยมาตรฐานโรคออทิซีม
    กับมันสมองของคนทั่วไป
  • 12:34 - 12:36
    ที่สับสนวุ่นวายอย่างง่าย ๆ
  • 12:36 - 12:38
    สังคมที่ถูกครอบงำ
  • 12:38 - 12:41
    และความทุกข์จากการขาดความสนใจ
    ในเรื่องรายละเอียด
  • 12:41 - 12:44
    ให้แน่ใจว่า คนที่เป็นออทิซีม
    มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก
  • 12:44 - 12:46
    ในการอยู่บนโลกใบนี้
    ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพวกเขา
  • 12:46 - 12:51
    [เจ็ดสิบ] หลายปีต่อมา
    เรายังชื่นชมกับเอสเปอร์เจอร์
  • 12:51 - 12:55
    ผู้ที่เชื่อมั่น การบำบัดรักษา โรคออทิซึม
    ที่คาดหวังว่าไร้ความสามารถมากทีสุด
  • 12:55 - 12:58
    แต่ถูกค้นพบโดยครูหลายท่านที่เข้าใจ
  • 12:58 - 13:00
    นายจ้างหลายคนที่จัดที่จัดทางให้
  • 13:00 - 13:02
    การช่วยเหลือของชุมชนต่าง ๆ
  • 13:02 - 13:05
    และพ่อแม่ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของลูก ๆ
  • 13:05 - 13:08
    ชายที่เป็นออทิซึม
    ชื่อว่าโซเซีย แซกส์ ครั้งหนึ่งพูดว่า
  • 13:08 - 13:13
    "เราต้องการทุกคนอย่างเร่งด่วน
    เพื่อนำทางเรือมนุษย์ชาติ"
  • 13:13 - 13:16
    ขณะที่เรากำลังแล่นผ่านอนาคตที่ไม่แน่นอน
  • 13:16 - 13:20
    เราต้องการความเฉลียวฉลาดทุกรูปแบบ
    ของมนุษยชาติบนโลกใบนี้
  • 13:20 - 13:25
    ทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหา
    กับความท้าทายหลายเรื่องที่พวกเราเจอในสังคม
  • 13:25 - 13:28
    เราไม่สามารถสูญเสียมันสมองอีกต่อไปแล้ว
  • 13:28 - 13:30
    ขอบคุณมากครับ
  • 13:30 - 13:34
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมเลือนของโรคออทิซึ่ม
Speaker:
สติฟ ไซเบอร์แมน (Steve Siberman)
Description:

หลายสิบปีก่อน มีกุมารแพทย์น้อยรายมากที่เคยได้ยินเกี่ยวกับโรคออทิซึม ในปี ค.ศ. 1975 คาดว่ามีเด็ก 1 ใน 5,000 คนที่เป็นโรคออทิซึม ในทุกวันนี้มีเด็ก 1 ใน 68 ที่เข้าข่ายเป็นโรคออทิซิม อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โรคนี้เพิ่มขึ้น สตีฟ ไซเบอร์แมน ได้ชี้ชัดว่า “การจู่โจมสมบูรณ์แบบกับการรับรู้โรคออทิซึม ” — แพทย์จำนวนหนึ่ง ได้เสนอทางเลือกในการวินิจฉัยที่ยอมรับได้มากขึ้น กับเรื่องวัฒนธรรมที่ทันสมัยที่ไม่คาดคิด และการทดสอบโดยคลีนิคสมัยใหม่ แต่จริง ๆ แล้ว การทำความเข้าใจเราต้องย้อนกลับไปในยุคของ นายแพทย์ชาวออสเตรีย นายแพทย์ฮันส์ เอสเปอร์เจอร์ (Hans Asperger) ได้ตีพิมพ์ผลงานบุกเบิกเล่มแรก ในปี ค.ศ. 1944 แต่เพราะอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์สงคราม ทำให้ผลงานนี้ถูกทอดทิ้งไป โรคออทิซึมจึงกลายเป็นโรคที่เข้าใจกันอย่างผิด ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (งานบรรยายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ TED2015 ที่ได้รับความอนุเคราะห์จาก วารสารป๊อปอัพ (Pop-Up Magazine) ติดต่อได้ที่ : popupmagazine.com หรือ @popupmag ใน Twitter

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
13:48
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The forgotten history of autism Jun 27, 2016, 6:47 AM
Rawee Ma accepted Thai subtitles for The forgotten history of autism May 13, 2016, 5:29 PM
Rawee Ma declined Thai subtitles for The forgotten history of autism May 13, 2016, 5:24 PM
Rawee Ma edited Thai subtitles for The forgotten history of autism May 13, 2016, 5:24 PM
Rawee Ma edited Thai subtitles for The forgotten history of autism May 13, 2016, 5:24 PM
Kelwalin Dhanasarnsombut rejected Thai subtitles for The forgotten history of autism May 7, 2016, 9:12 AM
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The forgotten history of autism May 7, 2016, 9:12 AM
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The forgotten history of autism May 7, 2016, 9:12 AM
Show all

Thai subtitles

Revisions