-
สวัสดีครับ นิวมา กรุงเทพฯ
-
เป็นเรื่องเยี่ยมมากที่ได้อยู่กับคุณในวันนี้
-
นี่มันเป็นเรื่องที่เยี่ยมมาก
-
นิวมา
-
คริสตจักรซึ่งมีอายุ 100 ปี
-
เต็มด้วยมรดกอันยิ่งใหญ่
-
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานด้านพันธกิจ
-
และวันนี้เราจะมาร่วมกัน
-
ในทุกสถานนมัสการ
-
เพื่อดูว่าเราจะสามารถผลักดันพระกิตติคุณ
-
ให้เคลื่อนไปสู่ประชาชาติทั่วโลกได้อย่างไร
-
ขอสวัสดี อ.เดวิด และ อ.หลิน ในเช้านี้ครับ
-
ดีใจที่ได้ทักทายและขอบคุณสำหรับโอกาสนี้
-
คุณเคยได้ยินใครบอกไหมว่า
-
ผมได้มาลองเป็นคริสเตียน
-
คุณรู้ไหม
-
ผมตระหนักว่าบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต
-
ดังนั้นผมจึงลองเชื่อในพระเจ้า
-
คุณรู้ไหม ผมมีพระคัมภีร์
-
ผมไปร่วมนมัสการ
-
แต่คุณรู้ไหม
-
มันไม่ได้ผลสำหรับผมจริงๆ
-
และตอนนี้ก็ยังมีสิ่งอื่นในชีวิตผมอีก
-
ดังนั้นคุณรู้ไหม
-
ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องไปทำอย่างอื่นแล้วล่ะ
-
และในบางช่วงเวลา
-
มันก็เกิดขึ้นแบบนี้จริงไหม?
-
พระเจ้า ผมต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับความรอด?
-
พระเจ้า ผมต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ?
-
และถ้าผมไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากพระองค์
-
ผมก็จะลองหาวิธีอื่น
-
เพื่อดูว่าผมจะเติมเต็มช่องว่างในหัวใจได้อย่างไร
-
เช้านี้ ผมอยากจะแบ่งปันกับคุณ
-
สิ่งที่ผมถือว่า เป็นความเข้าใจผิดที่แท้จริง
-
ที่นำคริสตจักรไปสู่การถูกหลอกลวงครั้งใหญ่
-
ผมอยากให้คุณลองคิดตามผมไป
-
ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
-
เพราะคุณเห็นไหม
-
ผมเชื่อว่าความเข้าใจผิดนั้น คือ
-
การเป็นคริสเตียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเองทั้งสิ้น
-
ในทางกลับกัน
-
พระเยซูผู้เสด็จมาเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว บอกว่า
-
"เราให้บัญญัติใหม่แก่เจ้าทั้งหลาย"
-
ตอนที่พระองค์ตรัสสิ่งนี้
-
พระองค์ได้ตรัสกับกลุ่มชายหนุ่มชาวยิว
-
และไม่ต้องสงสัยเลย
-
เมื่อพระองค์พูดว่า "บัญญัติใหม่"
-
พวกเขาคงคิดว่า
-
เยี่ยมเลย เรามีบัญญัติอยู่เท่าไหร่แล้วนะ?
-
613?
-
เพิ่มอีกซักข้อ มันก็ยังพอได้แหละ
-
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูกำลังพูดถึงเลย
-
พระเยซูกำลังบอกพวกเขาว่า
-
ให้พวกเขาเอาทั้งหมด 613 ข้อ
-
ไปรวมกันไว้ข้างหนึ่ง
-
ตอนนี้เราจะให้พวกเจ้าแค่เพียงหนึ่ง
-
หนึ่งศูนย์รวม หนึ่งทิศทาง หนึ่งบัญญัติ
-
ที่จะเปิดตาใจของผู้ที่ฟังพระองค์อยู่
-
ซึ่งโตมกับการท่องจำธรรมบัญญัติข้อแล้วข้อเล่า
-
พวกเขาเริ่มจาก 12 ข้อ
-
ที่จริงแล้ว 10 ข้อ
-
แล้วมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
-
พระเยซูได้บอกว่า เราจะมอบกฏอันสำคัญยิ่ง
-
และกฏข้อสำคัญนั้นก็คือ
-
จงรักกันและกัน
-
ไม่ใช่รักแบบที่เจ้ารักตนเอง
-
รักกันและกัน ไม่ใช่ตามที่พวกเขาควรได้รับ
-
แต่จงรักกันและกัน ตามแบบที่เราได้รัก
-
พวกเจ้า
-
เอาล่ะ ทุกคน สิ่งนี้โดยพื้นฐานแล้วแปลว่าอะไร
-
แปลว่าให้เรามีชีวิตเพื่อผู้อื่น
-
เพราะมันไม่เกี่ยวกับคุณเลย
-
จงรักผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า
-
ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่อเห็นแก่พวกเขา
-
คุณรู้มั๊ย
-
อ.เปาโล ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตตามความเชื่อนี้
-
ใน กาลาเทีย 5 บอกว่า
-
มีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญ
-
อ.เปาโล ผู้เขียนพระคัมภีร์ส่วนใหญ่
-
ในพันธสัญญาใหม่
-
ได้บอกว่า "มีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญ"
-
เมื่อคนอย่างเปาโลผู้มีใจเปิดกว้าง
-
และมีความสำคัญอย่างยิ่ง
-
ต่อประวัติศาสตร์คริสจักร
-
ได้บอกว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญ
-
และเราต้องมั่นใจว่าเราชัดเจนในสิ่งนี้
-
และนี่... เปาโลได้บอกว่า
-
สิ่งเดียวที่สำคัญ คือ
-
ความเชื่อที่แสดงออกด้วยความรัก
-
สิ่งที่พระเยซูได้ทำคือ
-
พระองค์ยกมาตรฐานให้สูงขึ้น
-
ตัวผมนั้นอยู่ในงานอภิบาลเป็นเวลาหลายสิบปี
-
คนจำนวนมากอยากรู้ว่า
-
ถ้าผมเป็นคริสเตียน
-
แล้วมันจะยังไงล่ะ
-
ผมทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้
-
เเล้วธรรมบัญญัติพูดถึงสิ่งนี้อย่างไร
-
ผมขอแนะนำคุณว่า
-
ถ้าคุณกลับมาที่หลักการ
-
อันครอบคลุมเพียงหนึ่งเดียวนี้
-
คุณปล้ำสู้กับสิ่งต่างๆ และคุณพบคำตอบว่า
-
คุณจะต้องทำอย่างไร
-
เมื่อคุณพบกับทางแยกแต่ละเรื่องในชีวิต
-
และนั่นคือ ความรักนั้นต้องการสิ่งใด?
-
พระเยซูได้แทนที่ธรรมบัญญัติ
-
ในพันธสัญญาเก่าทั้งหมด
-
ด้วยหลักการอันครอบคลุมนี้เพียงข้อเดียว
-
ความรักนั้นต้องการสิ่งใด?
-
ไม่มีช่องโหว่เกิดขึ้นเลย
-
เหตุผลที่เราเริ่มต้นด้วยกฎ 10 ข้อ
-
แล้วเพิ่มมาเป็น 600 กว่าข้อ
-
คือก็เพราะบางอย่างในจิตใจมนุษย์นั้น
-
ได้เจอกับช่องโหว่ในธรรมบัญญัติ
-
ธรรมบัญญัติบอกเราทำนี่ได้
-
แต่ทำนั่นไม่ได้
-
แต่เราก็หาทาง เราพยายามที่จะ
-
หาคำมาจำกัดความสิ่งนั้นใหม่
-
เพื่อที่เราจะสามารถหลบเลี่ยงธรรมบัญญัติ
-
และนั่นคือสิ่งที่หัวใจมนุษย์
-
ทำมาตั้งแต่สมัยโบราณ
-
แต่เมื่อพระเยซูมาพร้อมหลักการอันสำคัญนี้
-
มันได้กำจัดช่องโหว่ทั้งสิ้นไป
-
พระองค์กล่าวว่า "พวกเจ้าจงรักซึ่งกันและกัน"
-
นี่คือกฏเกณฑ์ทางศีลธรรม
-
เหมือนที่เรารักได้รักเจ้า
-
ผมอยากบอกว่า ปัญหาของบาป
-
คือมันไม่ใช่แค่เราทำผิดต่อพระเจ้า
-
ปัญหาของบาปคือมันทำร้ายผู้คน
-
คุณอาจจะบอกว่า
-
แต่ถ้ามันเป็นการสมยอมล่ะ?
-
ถ้าทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ใหญ่
-
และพวกเขาสมยอมต่อบาปบางอย่างนั้น
-
ถ้าคุณมีลูกอายุ 3 ขวบ และเขาได้ยินยอม
-
ให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่อายุ 2 ขวบ
-
ให้เอาเข็มมาจิ้มตาของเขาได้
-
นั่นไม่ได้แปลว่าคุณจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นจริงไหม
-
เพราะเด็กๆ ยังไม่เข้าใจ
-
เราเองก็ไม่เข้าใจ
-
เราคิดว่าเราเข้าใจ
-
แต่ความจริงคือเราไม่ได้เข้าใจ
-
ถึงผลแห่งการกระทำของเราที่จะคงอยู่นิรันดร์
-
ผลกระทบที่มีต่อจิตวิญญาณของเรา
-
ผมขอยืนยันกับคุณว่า พระเจ้ามีปัญหากับบาป
-
ก็เพราะว่ามันทำร้ายผู้อื่น
-
การเป็นคริสเตียนไม่ใช่ทางลัดสู่ความสะดวก
-
ตามมาตรฐานที่เรานั้นเคยชิน
-
มันไม่ใช่โอกาสในการแสวงหา
-
ความสุขของตัวเราแบบไม่หยุดยั้ง
-
แนวคิดทั้งหมดของการเป็นคริสเตียน
-
แนวคิดทั้งหมดของการติดตามพระเยซู
-
คือการละทิ้งอย่างสิ้นเชิง
-
จากจิตวิญญาณของโลกนี้
-
ความรักนั้นต้องการสิ่งใด?
-
พวกคุณบางคนอาจจะคิดว่า
-
แล้วเราต้องทำอะไร?
-
ให้พวกเรานั่งเป็นวงกลม
-
จับมือและร้องเพลงรอบกองไฟเหรอ
-
แล้วเรื่องเกี่ยวกับพระสิริพระเจ้าล่ะ?
-
แล้วเรื่องของฤทธิ์อำนาจพระเจ้าล่ะ?
-
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องคำพูดสวยหรู
-
หรือการทำดีต่อกัน
-
ผมขออ่านให้คุณฟังจากมัทธิวบทที่ 25 ข้อ 31
-
เมื่อพระเยซูตรัสว่า
-
"เมื่อบุตรมนุษย์ทรงพระสิริเสด็จมา
-
กับทั้งหมู่ทูตสวรรค์
-
เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่ง
-
อันรุ่งเรืองของพระองค์”
-
พระองค์มีอำนาจในการบริหาร
-
ประชาชาติจะถูกรวบรวมมาต่อหน้าพระองค์
-
พระองค์จะทรงแยกพวกเขาจากกัน
-
เหมือนที่ผู้เลี้ยงแยกแกะจากแพะ
-
และนี่คือพระสิริ
-
นี่คือความตื่นเต้น
-
แล้วใครคือแกะ
-
ใครคือแพะ
-
พระเจ้าจะทำอะไรที่นี่?
-
ผมหมายถึงว่า
-
พระองค์จะมาทำการแยกผู้คนออก
-
กลุ่มหนึ่งจากอีกกลุ่ม
-
ฝูงแกะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
-
มันคือประชาชาติหรือเปล่า?
-
หรือเป็นคนยิว?
-
หรือจะเป็นคริสเตียน?
-
เราจะจำกัดความการแบ่งแยกนี้อย่างไร?
-
เพราะผมอยากอยู่ที่ข้างขวาของพระองค์
-
เพราะพระองค์บอกว่า
-
พระองค์จะให้ฝูงแกะอยู่ข้างขวาพระหัตถ์
-
แต่ฝูงแพะนั้นให้อยู่ด้านซ้าย
-
ขณะนั้น พระมหากษัตริย์จะตรัส
-
แก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวา
-
“ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา
-
จงมารับเอาราชอาณาจักร
-
ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก”
-
เอาล่ะ นี่มันถือเป็นเรื่องใหญ่เลยใช่ไหม?
-
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ฟังอยู่ตอนนี้
-
อาจจะกำลังพูดในใจว่า
-
โอ้ ผมต้องการสิ่งนั้น
-
ผมต้องการอยู่ด้านขวา
-
ผมอยากได้มรดกนี้ ที่ได้ตระเตรียมไว้
-
ตั้งแต่แรกสร้างโลก
-
มันเยี่ยมมาก
-
แต่พระองค์ได้ให้ความเข้าใจเพิ่มเติม
-
เกี่ยวกับการแบ่งแยกนี้
-
พระองค์กล่าวในข้อ 35
-
"เพราะว่าเมื่อเราหิว
-
ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน"
-
เดี๋ยวนะ
-
พระเยซูจะหิวได้อย่างไร?
-
พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตไม่ใช่หรือ?
-
พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต
-
พระองค์ยังบอกว่า "เรากระหายน้ำ
-
ท่านก็ให้เราดื่ม"
-
พระองค์เป็นน้ำธำรงชีวิตไม่ใช่หรือ
-
ที่ผู้ใดดื่มจากน้ำนั้นจะไม่กระหายอีกเลย
-
พระองค์กล่าวว่า “เราเป็นแขกแปลกหน้า
-
ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้”
-
ผมกำลังคิดว่า อืม...
-
ผมได้เชิญพระองค์เข้ามาในใจของผม
-
แต่ผมไม่เคยรู้จักพระองค์
-
เหมือนอย่างคนแปลกหน้าบนท้องถนน
-
ที่ผมจะเชิญให้เขาเข้ามาในบ้านของผม
-
พระองค์ได้ตรัสต่อไปว่า
-
“เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม
-
เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา”
-
แต่เดี๋ยวนะ พระเยซู
-
พระองค์ทรงเป็นดวงอาทิตย์
-
แห่งความชอบธรรม
-
ซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้
-
แล้วพระองค์จะเจ็บป่วยได้อย่างไร
-
“เมื่อเราอยู่ในคุก”
-
จริงเหรอ? อยู่ในคุก?
-
พระเยซู คุกนั้นเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่
-
ทำผิดกฎหมาย
-
พระองค์ทรงปราศจากบาป
-
แล้วผมได้จับพระองค์เข้าคุกด้วยข้อหาอะไร
-
พระองค์ตรัสว่า คุณอยู่ในคุก
-
“เราอยู่ในคุก” ที่จริงควรจะพูดว่า
-
“พวกเจ้าได้มาเยี่ยมเรา”
-
ทำไมล่ะ? ทำไมเราจึงไป
-
เยี่ยมนักโทษในคุกล่ะ?
-
ผมหมายถึงว่า พวกเขาอยู่ในคุก
-
เพราะความผิดที่ได้กระทำ
-
พวกเขากำลังชดใช้คืนให้กับสังคม
-
อย่างแน่นอนเลย
-
พระองค์ได้ตรัสต่อว่า
-
“เวลานั้นบรรดาคนชอบธรรมจะกราบทูลว่า
-
‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พวกข้าพระองค์
-
เห็นพระองค์ทรงหิวและจัดให้เสวย
-
หรือทรงกระหายน้ำ
-
และจัดมาถวายนั้นตั้งแต่เมื่อไร?'"
-
พวกเราได้เห็นพระองค์เมื่อไหร่?
-
นี่เป็นคำถามที่สำคัญมาก
-
พวกเราได้เห็นพระองค์เมื่อไหร่?
-
ผู้ชอบธรรมบอกว่า... คนดี
-
คนเหล่านั้นที่มาโบสถ์
-
และพยายามรักษากฎ
-
ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ถึงความเข้าใจผิด
-
ซึ่งนำไปสู่การหลอกลวงครั้งใหญ่
-
ผมต้องการเจาะลึกตรงนั้น
-
เกี่ยวกับสิ่งที่ผมเชื่อว่า
-
เป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่
-
เพราะความเข้าใจผิดนี้ทำให้เราคิดว่า
-
เรามีความต้องการบางสิ่งอยู่เสมอ
-
ชีวิตเราอยู่ใกล้กับวิกฤตเสมอ
-
ผมมีปัญหา
-
และพระเจ้า ผมต้องการสิ่งนี้
-
และพระเจ้า ผมต้องการสิ่งนั้น
-
และพระเจ้า พระองค์ช่วยดูแลสิ่งนี้ให้ผมได้ไหม?
-
และการเป็นคริสเตียนของผมนั้น
-
คือการที่ผมขอให้พระเจ้าเข้ามาดูแลผม
-
ช่วยผม อวยพรผม
-
แต่สิ่งที่ผมเพิ่งได้อ่านไป
-
มันควรจะเป็นผมที่ดูแลพระองค์
-
เพราะผมคิดว่าทุกอย่างนั้นเกี่ยวกับตัวผม
-
แล้วผมกลายเป็นเหยื่อและ
-
ผมเริ่มคิดว่า
-
เอ๊ะ ผมเป็นคนที่พระเจ้ามองว่าดีหรือเปล่า
-
แน่นอนว่าผมเพียงแค่ต้องการอีกนิดหน่อย
-
ถ้าผมมีแค่เพิ่มอีกนิด
-
แล้วผมจะสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลพระคริสต์
-
จากนั้นผมจะสามารถเลี้ยงคนหิวและ
-
ให้เสื้อผ้ากับผู้ที่ขาดแคลน
-
และให้ที่อยู่อาศัยกับคนไร้บ้านหรืออะไรก็ตาม
-
ถ้าผมมีเพิ่มอีกนิด
-
แค่เพิ่มอีก 10,000 หรือ 100,000
-
รู้ไหม ถ้าผมสามารถหางานใหม่ได้
-
ถ้าผมสามารถมีรถใหม่
-
ถ้าผมมีบ้านใหม่
-
ถ้าผมมีคู่ที่ดีกว่า
-
แล้วบางทีผมอาจจะสามารถมีส่วนร่วม
-
ในการช่วยคุณพระองค์นะ พระเยซู
-
แต่ตอนนี้ที่ผมอยู่
-
พระเจ้า ผมต้องการให้พระองค์ช่วยผม
-
ฟังสาวกที่ยิ่งใหญ่อย่างอ.เปาโลสิครับ
-
'ข้าพเจ้าตรากตรำยิ่งกว่าพวกเขา
-
ข้าพเจ้าติดคุกมากกว่าพวกเขา
-
ข้าพเจ้าถูกโบยตีมากมาย
-
ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ
-
พวกยิวเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที
-
ข้าพเจ้าถูกตีด้วยไม้สามครั้ง
-
ถูกก้อนหินขว้างครั้งหนึ่ง
-
ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง
-
ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง
-
ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง
-
เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า
-
แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า
-
“การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า"
-
และสิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ
-
พระองค์ได้ทรงช่วยเรา ไถ่เรา
-
ทำให้เราบริสุทธิ์
-
แต่งตั้งเรา เจิมเราด้วยน้ำมัน เติมเต็มเรา
-
และยกเราขึ้น ให้เรามีที่นั่งในสวรรค์สถาน
-
พระองค์ทำทุกอย่างให้เรา
-
และมากกว่าที่เราจะเคยขอหรือคิดได้
-
คุณไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
-
โปรโมตตัวเอง จัดหาเลี้ยงตัวเอง
-
พระเจ้าได้ทำสิ่งนั้นให้เราแล้ว ดังนั้นเราจึงเป็นอิสระ
-
เรามีอำนาจมากมาย
-
ดังนั้นเราสามารถทำทุกอย่าง
-
ที่พระเยซูระบุไว้ที่นี่ให้เราทำ
-
นั่นคือการเป็นลูกแกะของพระองค์
-
ดูสิ สิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับแพะ
-
แพะไม่ใช่หมาป่า
-
พระองค์กำลังแยกแกะออกจากแพะ
-
ใช่ แพะไม่ใช่หมาป่า
-
หมาป่ามีเจตนาที่ไม่ดี
-
หมาป่าพยายามที่จะหลอกลวง
-
และหาวิธีเพื่อจะจับบางสิ่ง
-
หรือใครสักคนหรือสัตว์สักตัว
-
แพะ แพะมักไม่คิดร้าย
-
แพะแค่สนใจในการเติมเต็มท้องว่างๆ ของพวกมัน
-
แพะแค่สนใจตัวเอง
-
คุณดูสิครับ เราสามารถใช้เวลาไปกับการพูดว่า
-
พระเจ้า ช่วยลูกด้วย พระเจ้า แล้วลูกล่ะ?
-
พระเจ้า ผมต้องการสิ่งนี้
-
โดยไม่รู้เลย เหมือนที่เปาโลพูดไว้
-
ว่าพวกเราได้รับพระพรทุกอย่างในฝ่ายวิญญาณ
-
เอเฟซัส 1:3
-
พรฝ่ายจิตวิญญาณทุกอย่างแก่เราในสวรรคสถานโดยพระคริสต์
-
และเราได้รับการปลดปล่อย
-
เพื่อช่วยพระองค์
-
ผู้ชอบธรรมจะพูดว่า
-
ผมอ่านอันนี้เมื่อสักครู่นี้
-
เมื่อไหร่ที่เราเห็นคุณ?
-
และผมกำลังสงสัยว่าเราทุกคน
-
สามารถถามคำถามนั้นวันนี้ได้ไหม
-
เมื่อไหร่ที่คุณเห็นพระเยซู?
-
เมื่อคุณได้ยินคำถามนี้แล้ว
-
คุณอาจจะนึกถึงช่วงเวลาของการนมัสการที่ดีเยี่ยม
-
ที่บรรยากาศแทบจะติดอยู่กับการทรงสถิต
-
ที่คุณไม่อยากจะหยุดนมัสการ
-
และมันเหมือนกับว่าพระองค์อยู่ในที่แห่งนี้
-
คุณอาจจะเคยมีประสบการณ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
-
ที่คุณไปที่สวนใกล้กรุงเยรูซาเล็ม
-
และคุณอยู่คนเดียวในตอนเช้า
-
คุณคุกเข่าที่นั่นและคุณรู้สึกว่า
-
พระองค์อยู่ข้าง ๆ คุณ
-
หรือช่วงเวลานั้นที่คุณมีในค่าย
-
ที่ทำให้คุณเปลี่ยนไป
-
เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของพระเจ้า
-
หรือคุณอาจจะกำลังอ่านพระคำ
-
แล้วตัวอักษรในหน้ากระดาษมีชีวิต
-
แล้วกระโดดออกจากหน้ากระดาษหาคุณ
-
ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ
-
ทุกอย่างที่ว่ามานั้น จัดไปได้เลยครับ
-
สิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าเราควรทำครับ
-
ไปต่อด้วยทุกอย่างที่มีค่า
-
ตั้งแต่เมื่อไรล่ะพระองค์?
-
นี่คือการตอบโต้จากผู้ชอบธรรม
-
ที่พวกข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้
-
หรือเปลือยพระกายและสวมฉลองพระองค์ให้นั้นตั้งแต่เมื่อไร?
-
ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือทรงถูกจำคุก
-
และมาเฝ้าพระองค์นั้นตั้งแต่เมื่อไร?’
-
นั่นไม่ใช่
-
นั่นไม่ใช่ภาพของพระเยซูที่ข้าพระองค์เคยเห็น
-
และพระเยซู พระมหากษัตริย์จะตอบ
-
นี่คือข้อมูลสำคัญที่จะมีผลในอนาคตนะครับ
-
นั่นคือเหตุผลที่ข้อความนี้มีความสำคัญมาก
-
เพราะพระคำข้อนี้กำลังบอกเรา
-
เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา
-
นี่คืออนาคตของเรา
-
ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่
-
พระเยซูได้ทำให้มันชัดเจน
-
พระมหากษัตริย์จะตอบว่า
-
‘เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า
-
สิ่งซึ่งพวกท่านได้ทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุด
-
ในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำกับเราด้วย’
-
ความจงรักภักดีของคุณต่อพระเจ้า
-
จะแสดงออกในความรักของคุณต่อผู้อื่น
-
พระองค์ใช้คำว่าเล็กน้อยที่สุดในพระคำข้อนี้
-
ซึ่งเป็นคำที่น่าสนใจ
-
เพราะมันแสดงถึงลำดับขั้น
-
ผู้ที่ต่ำกว่า
-
และผู้ที่สูงกว่า
-
และผมขอเสนอว่า
-
ผู้ที่ฟังข้อความนี้ในเช้านี้
-
อาจจะไม่ได้เข้าใจพลังที่เรามีเท่าไรนัก
-
เราที่นี่ในออสเตรเลียอาศัยอยู่ในประชาธิปไตยเสรี
-
ผมรู้ว่าชาติอื่นด้วย
-
แต่พูดจากบริบทของผมเองที่นี่
-
คุณสามารถนำไปใช้ในบริบทของคุณ
-
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก
-
แต่เรามีพลังในประเทศนี้ที่จะเปลี่ยนรัฐบาล
-
เราทุกคนแค่รวมตัวกันและลงคะแนน
-
และนักการเมืองที่มีอำนาจที่สุดในประเทศ
-
สามารถถูกไล่ออกจากสภา
-
และผู้นำฝ่ายค้านในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
-
เขาไม่สามารถได้ที่นั่งกลับมา
-
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจ
-
เพราะเราอาศัยอยู่ในประชาธิปไตยเสรี
-
เราจึงไม่รู้ถึงพลังที่เรามี
-
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม
-
ตอนที่ผมอยู่บนทางด่วนจะเดินทางไปไหนสักที่
-
รถพยาบาลจะมาถึงในไม่กี่นาที
-
มันผิดกฎหมายที่ขับรถผ่านใครบางคน
-
ที่อยู่ในความต้องการของการช่วยเหลือในสถานการณ์นั้น
-
คุณไม่สามารถเพิกเฉยได้
-
ผมเคยไปประเทศต่าง ๆ และ
-
ผมแน่ใจว่าบางคนในคุณก็เคยไป
-
ที่มีคนอยู่ข้างถนนเพราะอุบัติเหตุ
-
ไม่มีใครสนใจ
-
รัฐบาลไม่แคร์
-
แต่คนในประเทศนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
-
เช่นเดียวกับคนอื่นในประเทศอื่น
-
เพราะเราเป็นพลเมือง
-
พลเมืองของประเทศนี้.
-
เรามีอำนาจ แต่เราได้ก้าวข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว
-
เพราะสำหรับพวกเราที่เป็นของพระเยซู
-
เพราะเราเป็นพลเมืองของสวรรค์
-
และผมจะบอกคุณว่าผมรู้สึกอย่างไร
-
สิ่งที่ทำให้ผมกังวลคืออะไร
-
คือบางคนในเราจะไปสวรรค์
-
และชีวิตของเราจะถูกตรวจสอบ
-
และมันเป็นดั่งเรื่องฝืนธรรมชาติเลยที่
-
ผู้คนเหล่านี้ที่มีอำนาจมากมาย
-
และความสำคัญและความมั่งคั่ง
-
แต่กลับทำตัวเหมือนอ่อนแอและต่ำต้อย
-
และมีความต้องการไม่สิ้นสุด
-
พวกเขาถูกหลอก
-
ผมไม่ต้องการให้คุณถูกหลอก
-
ผมต้องการให้คุณเข้าใจ
-
ว่าคุณมีพลังมากแค่ไหนในพระคริสต์
-
และจากตำแหน่งของความแข็งแกร่งนี้
-
เรากำลังออกไป
-
ทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำ
-
ในบริบทของช่วงเวลานี้ของพันธกิจในฐานะคริสตจักร
-
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราเห็นคุณเปลือย
-
ตั้งแต่เ มื่อไหร่ที่เราเห็นคุณหิว
-
ตอนนี้คือช่วงเวลานั้นที่เราร่วมมือกับผู้คน
-
ที่ตั้งตัวเองในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก
-
ที่มีผู้คนที่โชคดีน้อยกว่าพวกเราเอง
-
และเราต้องเข้าใจ
-
ตอนนี้
-
ว่าเราต้องมองเห็นผู้คนเหล่านั้นเหมือนพระเยซู
-
และเราตอบสนองต่อพวกเขา
-
ไม่ใช่เพราะเราเป็นใคร
-
และไม่ใช่เพราะสิ่งที่เรามี
-
แต่เพราะสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเรา
-
และจากตำแหน่งของความแข็งแกร่งนั้น
-
เราทำสัญญาของเรา
-
เราทำคำมั่นสัญญาว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์
-
จะนำเราให้ทำ
-
เพื่อสนับสนุนความพยายามสำคัญเหล่านี้
-
ที่จะออกไปหาผู้คนทุกวันไปยังพระเยซู
-
ที่เราเพิ่งอ่านในหนังสือมัทธิว
-
และผมขอหนุนใจคุณ
-
มารวมกันในขณะที่ศบ.ของเรา
-
นำเราไปการตอบสนองอย่างละเอียดมากขึ้น
-
ในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เรียกเราให้ทำ
-
ในฐานะคริสตจักรร่วมกัน.
-
พระเจ้าอวยพรนะครับ
-
ผมขออธิษฐานเผื่อ
-
พระบิดา องค์พระผู้เป็นเจ้า
-
วันนี้เราขออธิษฐานขอการเปิดเผยจากพระองค์
-
เกี่ยวกับตัวตนของเราในพระองค์
-
และขอให้เราจะสามารถเคลื่อนที่ออกไป
-
จากตำแหน่งของความแข็งแกร่งนั้น
-
ไปสู่คนที่หลงหาย ไปสู่คนที่เล็กน้อยต้อยต่ำ
-
และไปถึงคนสุดท้าย
-
ขออธิษฐานที่เราจะไม่มองเห็นพวกเขา
-
เป็นคนที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา
-
แต่พระองค์ ทรงยกเราขึ้น
-
เพื่อให้เราเป็นทรัพยากรของสวรรค์
-
ต่อการงานและพันธกิจของพระเยซู
-
ที่มีอยู่ในหลายๆ ที่ทั่วโลก
-
ขอให้เราได้รับพละกำลังในการทำเช่นนั้นตอนนี้ เราอธิษฐาน
-
ขอหัวใจในการทำเช่นนั้น ในนามของพระเยซู,
-
อาเมน.
-
พระเจ้าอวยพรครับ