< Return to Video

ทำไมบางครั้งการแปลวรรณกรรมจึงเป็นไปไม่ได้ | มาเรียม มันซูเรียม | TEDxYouth@ISPrague

  • 0:06 - 0:09
    คุณเห็นสีอะไร
    บนด้านซ้ายของกระดาน
  • 0:10 - 0:11
    (ผู้ชม) สีน้ำเงิน
  • 0:12 - 0:15
    ใช่แล้ว และคุณเห็นสีอะไร
    บนด้านขวาของกระดาน
  • 0:15 - 0:17
    (ผู้ชม) สีน้ำเงิน... สีฟ้า
  • 0:17 - 0:20
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:20 - 0:23
    โอเค เอาเป็นว่า
    อันนึงเป็นสีน้ำเงิน อีกอันเป็นสีฟ้า
  • 0:23 - 0:24
    ทุกคนเห็นตรงกันนะ
  • 0:24 - 0:25
    (ผู้ชม) เห็นด้วย
  • 0:25 - 0:29
    โอเค เอาเป็นว่าโดยทั่วไปแล้ว
    คุณจะเรียกทั้งคู่นี้ว่าสีอะไร
  • 0:29 - 0:30
    (ผู้ชม) สีน้ำเงิน
  • 0:30 - 0:34
    โอเค มีใครในที่นี้บ้างที่พูดภาษารัสเซีย
  • 0:35 - 0:36
    มีมั้ยคะ
  • 0:36 - 0:38
    เยี่ยม เห็น 2-3 มือ ที่ยกขึ้น
  • 0:38 - 0:43
    เอาล่ะ คุณจะเรียกสีทางด้านซ้ายมือ
    เป็นภาษารัสเซียว่าอะไร
  • 0:43 - 0:43
    "Cиний"
  • 0:44 - 0:46
    แล้วถ้าเป็นสีทางด้านขวาล่ะ
  • 0:47 - 0:48
    โอเค
  • 0:48 - 0:51
    ทีนี้ คุณจะเรียกรวม ๆ ว่าสีอะไร
  • 0:52 - 0:55
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:55 - 0:57
    ติดกับดักซะแล้ว
    เพราะในภาษารัสเซีย
  • 0:57 - 0:59
    คุณไม่สามารถเรียกสีนี้แบบรวม ๆ ได้
  • 0:59 - 1:01
    ในภาษารัสเซีย
    คุณไม่สามารถเหมารวมว่า "สีน้ำเงิน"
  • 1:01 - 1:04
    ถ้าคุณไม่เรียก "синий" แปลว่าสีน้ำเงิน
  • 1:04 - 1:06
    ก็ต้องเรียกว่า "голубой" แปลว่าสีฟ้า
  • 1:07 - 1:10
    ทีนี้ ฉันรู้มาว่า
    มีคนพูดภาษาอาร์เมเนียได้อยู่ 2-3 คน ใช่ไหม
  • 1:10 - 1:14
    ฉันจะพูดประโยคนึง
    แล้วจะให้พวกเธอแปลเป็นภาษาอาร์เมเนีย
  • 1:14 - 1:16
    "ฉันมีลุง"
  • 1:16 - 1:18
    (เสียงกระซิบ)
  • 1:18 - 1:20
    เห็นมั้ย นานาพูดว่า "Ես քեռի ունեմ"
  • 1:20 - 1:22
    แต่เธอพูดไม่ถูก
  • 1:22 - 1:24
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:25 - 1:27
    เพราะ "ฉันมีลุง" อาจจะหมายถึง
  • 1:27 - 1:29
    "ฉันมีลุงที่เป็นพี่ชายของแม่"
  • 1:29 - 1:31
    หรือ "ฉันมีลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อ"
  • 1:31 - 1:35
    สิ่งที่นานาพูด คือ
    "ฉันมีลุงที่เป็นพี่ชายของแม่"
  • 1:35 - 1:38
    แต่ฉันสามารถพูดได้ว่า "Ես հորեղբայր ունեմ"
  • 1:38 - 1:41
    ซึ่งหมายถึง "ฉันมีลุงที่เป็นพี่ชายของพ่อ"
  • 1:41 - 1:43
    และนั่นก็จะเป็นการแปลภาษาที่ถูกต้องเช่นกัน
  • 1:44 - 1:48
    ดังนั้น ภาษาอาร์เมเนียก็เหมือนภาษารัสเซีย
    ที่ไม่สามารถพูดแค่คำว่า "สีน้ำเงิน" ได้
  • 1:48 - 1:52
    ในภาษาอาร์เมเนีย
    ไม่สามารถพูดแค่คำว่า "ลุง" ได้
  • 1:52 - 1:55
    คุณจะต้องเฉพาะเจาะจงลงไปเลย
    ว่ากำลังพูดถึงลุงจากฝั่งไหน
  • 1:56 - 1:59
    มันมีความแตกต่างอยู่ในภาษาเหล่านี้
  • 1:59 - 2:03
    ตอนที่ฉันอ่าน "แฮร์รี่ พอตเตอร์"
    โดย เจ. เค. โรว์ลิง
  • 2:04 - 2:06
    ฉันเข้าใจภาพรวม
    ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในหนังสือ
  • 2:07 - 2:08
    ถึงแม้ว่ามันจะผ่านการแปลมาแล้ว
  • 2:08 - 2:11
    ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างอยู่ในภาษาเหล่านี้
  • 2:12 - 2:15
    ฉันอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
    เกือบจะเป็นเล่มเดียวกัน
  • 2:15 - 2:17
    กับที่คนอังกฤษอ่าน
  • 2:17 - 2:21
    และคุณก็คงสงสัยว่า
    ทำไมฉันถึงถือไม้บรรทัดนี้อยู่ ใช่มั้ย
  • 2:21 - 2:25
    เหตุผลก็คือ การแปลภาษา
    ก็เหมือนกับการวัด
  • 2:26 - 2:29
    เวลาคุณวัดอะไรสักอย่าง
    แล้วสมมุติว่ามันยาว 20 เซนติเมตร
  • 2:29 - 2:32
    แต่เราส่วนใหญ่รู้ว่ามันไม่ใช่ 20 เซนติเมตร
  • 2:32 - 2:35
    มันคือ 20 เซนติเมตร บวก/ลบ 0.005
  • 2:36 - 2:37
    ใช่แล้ว
  • 2:37 - 2:40
    วิชาเคมี ฟิสิกส์ ม.4
  • 2:40 - 2:42
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:42 - 2:44
    มันก็คล้าย ๆ กับการแปลภาษา
  • 2:44 - 2:48
    ตอนที่ฉันอ่าน "แฮร์รี่ พอตเตอร์"
    ฉันเห็น 20 เซนติเมตร เหมือนกัน
  • 2:48 - 2:51
    แต่มันมีความคลุมเครือเล็ก ๆ อยู่
  • 2:51 - 2:54
    เพราะว่าภาษา
    แตกต่างกันด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง
  • 2:54 - 2:57
    คุณไม่สามารถส่งต่อไอเดียต่าง ๆ
    โดยไม่สูญเสียอะไรบางอย่างไป
  • 2:57 - 3:02
    ฉันเสียไป 0.005 แต่มันน้อยมาก ๆ
    จนแทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย
  • 3:03 - 3:07
    แต่มันมีกรณีที่ไม่ใช่แค่ 0.005 ไหม
  • 3:07 - 3:11
    มันมีกรณี 1 เซนติเมตร
    หรือแม้กระทั่ง 10 เซนติเมตร ไหม
  • 3:11 - 3:15
    เอาล่ะ คุณคิดว่าคนคนนี้
    เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
  • 3:15 - 3:17
    (เสียงผู้ชม) ผู้หญิง
  • 3:17 - 3:20
    ใช่แล้ว พวกคุณส่วนใหญ่พูดว่า "เด็กผู้หญิง"
    และคุณพูดถูก
  • 3:20 - 3:21
    แต่
  • 3:21 - 3:26
    เธอคือตัวละครหลักจากหนังสือ
    "ผู้บริสุทธิ์" โดย ฮาร์เปอร์ ลี
  • 3:26 - 3:28
    และตอนที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้
  • 3:29 - 3:31
    มันมีบางอย่างที่ผิดปกติ
  • 3:31 - 3:36
    ฉันไม่สามารถรู้ได้ว่า
    ตัวละครหลักเป็นเพศอะไร จนกระทั่งถึงหน้า 60
  • 3:36 - 3:39
    เพราะนักเขียนให้แค่คำใบ้ต่าง ๆ
  • 3:39 - 3:42
    และนักเขียนทำให้ฉันสับสน
    กับประโยคบางประโยค เช่น
  • 3:42 - 3:46
    "ฉันสาบานเลย เจ้าลูกเสือ บางครั้งแกก็ทำตัว
    อย่างกับเด็กผู้หญิง มันน่าขายหน้าจริง ๆ"
  • 3:47 - 3:50
    เมื่อคุณพูดว่า "แกก็ทำตัว
    อย่างกับเด็กผู้หญิง มันน่าขายหน้าจริง ๆ"
  • 3:50 - 3:54
    เราจะเข้าใจว่าคนคนนี้
    ไม่ควรจะทำตัวแบบเด็กผู้หญิง ใช่มั้ย
  • 3:54 - 3:59
    หรือเจ้าลูกเสือพูดว่า "ครั้งหนึ่ง
    ฉันอัดมันซะเละ แต่มันก็ไม่ได้ถือสาอะไร"
  • 3:59 - 4:01
    อัดซะเละ กับการเป็นเด็กผู้หญิงอะนะ
  • 4:02 - 4:05
    ในปี 1960 มันช่างไม่เข้ากันเลย
  • 4:05 - 4:06
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:06 - 4:09
    เพราะอย่างนี้ นักเขียนเลยทำให้ฉันสับสน
  • 4:09 - 4:11
    และฉันก็แอบคิดว่า
    "ภาษาอังกฤษของฉันน่าจะแย่เกิน"
  • 4:11 - 4:14
    ฉันอาจจะไม่เข้าใจหนังสือเล่มนี้
    อย่างถูกต้อง
  • 4:14 - 4:17
    แต่ฉันก็มาเข้าใจทีหลังว่า
    มันคือส่วนสำคัญของแก่นเรื่อง
  • 4:18 - 4:20
    เพราะว่าตอนครึ่งเรื่องของหนังสือ
  • 4:20 - 4:23
    ตัวละครที่ชื่อว่าป้าอเล็กซานดร้า
    ก็โผล่เข้ามา
  • 4:23 - 4:28
    เธอเป็นป้าของเจ้าลูกเสือ
    และเธอก็พยายามทำให้ลูกเสือเป็นเด็กผู้หญิง
  • 4:28 - 4:33
    ดังนั้น ตอนต้นเรื่อง
    เจ้าลูกเสือระบุตัวเองว่าเป็นแค่เด็ก
  • 4:33 - 4:35
    ไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิง หรือเด็กผู้ชาย
    เป็นแค่เด็ก
  • 4:36 - 4:38
    แต่แล้วป้าอเล็กซานดร้า
    ก็เริ่มฝึกให้เธอเป็นเด็กผู้หญิง
  • 4:38 - 4:42
    และในตอนจบของหนังสือ
    คุณก็จะเห็นลูกเสือใส่ชุดเดรส
  • 4:42 - 4:44
    และกินกาแฟอยู่กับคุณป้าและเพื่อน ๆ ของเธอ
  • 4:44 - 4:48
    ดังนั้น มันก็เหมือนการที่เจ้าลูกเสือ
    เปิดเผยเพศของตัวเอง
  • 4:48 - 4:49
    ค้นพบเพศของตัวเอง
  • 4:49 - 4:53
    ผู้อ่านก็ค้นพบไปพร้อม ๆ กัน
    เราต่างก็เดินทางไปบนเส้นทางเดียวกัน
  • 4:53 - 4:55
    เส้นทางเดียวกันกับตัวละครหลัก
    เราใช้ชีวิตไปกับเธอจริง ๆ
  • 4:56 - 4:58
    ทีนี้ ลองมาดูอีกตัวอย่างหนึ่ง
  • 4:58 - 5:02
    เมื่อฉันพูดว่า "มาเรียมกลับบ้านแล้ว"
    เป็นภาษาอังกฤษ รัสเซีย และอาร์เมเนีย
  • 5:02 - 5:06
    ฉันรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงเด็กผู้หญิง
    เพราะมาเรียม เป็นชื่อเด็กผู้หญิง
  • 5:06 - 5:11
    เอาล่ะ ทีนี้ลองเปลี่ยนจากมาเรียม
    มาเป็นคำสรรพนาม เป็นคำว่า "เธอ"
  • 5:11 - 5:13
    "เธอกลับบ้าน" ฉันยังรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง
  • 5:13 - 5:16
    "Она пошла домой,"
    ฉันยังรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง
  • 5:16 - 5:19
    แต่เมื่อฉันพูดว่า "Նա գնաց տուն,"
    มันก็เกิดคำถามขึ้น
  • 5:19 - 5:22
    เพราะในภาษาอาร์เมเนีย
    เหมือนอย่างที่นานาน่าจะรู้อยู่แล้ว
  • 5:22 - 5:27
    คำสรรพนาม "նա"
    เป็นตัวแทนของทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง
  • 5:28 - 5:31
    แต่ถึงแม้ว่าฉัน
    อยากจะปกปิดเพศของคน ๆ หนึ่งจริง ๆ
  • 5:31 - 5:35
    และฉันตั้งชื่อเล่นให้มาเรียม
    สมมติว่าชื่อ "ลูกเสือ"
  • 5:35 - 5:39
    "ลูกเสือกลับบ้านไปแล้ว"
    ฉันไม่รู้ว่าลูกเสือเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
  • 5:39 - 5:41
    "Մեձաչքանին գնաց տուն"
    ฉันก็ยังไม่รู้
  • 5:42 - 5:45
    แต่พอฉันพูดว่า
    "Глазастик пошла домой"
  • 5:45 - 5:50
    "Глазастик пошла домой, пошла домой"
    ฉันรู้ว่าหมายถึงเด็กผู้หญิง
  • 5:50 - 5:54
    เพราะก็เหมือนกับการที่คุณไม่สามารถพูดแค่คำว่า
    "ไป" เป็นภาษารัสเซีย
  • 5:54 - 5:57
    คุณไม่สามารถพูดแค่คำว่า
    "ไปแล้ว" ในภาษารัสเซีย
  • 5:57 - 5:59
    หรือคุณไม่สามารถพูดแค่คำกริยาในภาษารัสเซีย
  • 5:59 - 6:03
    เพราะคุณต้องพูดว่า "пошёл" หรือ "пошла"
  • 6:03 - 6:07
    "пошёл" จะหมายถึงเด็กผู้ชาย
    และ "пошла" จะหมายถึงเด็กผู้หญิง
  • 6:07 - 6:10
    พอฉันจะแปลประโยคนี้เป็นภาษารัสเซีย
  • 6:10 - 6:15
    ฉันต้องพูดว่า "Я избил его"
    หรือ "Я избилa его"
  • 6:15 - 6:17
    เดี๋ยวก่อนนะ...
  • 6:17 - 6:21
    หมายความว่าในภาษารัสเซีย
    คุณไม่สามารถปกปิดเพศได้เลยรึ
  • 6:22 - 6:23
    ถูกต้อง
  • 6:23 - 6:26
    และตอนที่ฉันอ่านหนังสือเป็นภาษารัสเซีย
    รู้อะไรมั้ย
  • 6:26 - 6:30
    เพศของลูกเสือถูกเฉลย
    ตั้งแต่หน้าแรก
  • 6:31 - 6:34
    ดังนั้น ถ้าฉันจะคุยเรื่องหนังสือนี้
  • 6:34 - 6:35
    กับเพื่อนชาวรัสเซีย
  • 6:35 - 6:39
    ผู้ซึ่งไม่รู้เลยว่า
    มีการปกปิดเพศของลูกเสือ
  • 6:39 - 6:42
    เราก็จะมีความเข้าใจในเนื้อเรื่อง
    ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
  • 6:42 - 6:45
    ดังนั้น มันไม่ใช่แค่ 0.005 แล้ว
    มันแตกต่างกันมาก ๆ
  • 6:45 - 6:50
    เพราะเพื่อนของฉันไม่ได้เข้าใจ
    ในส่วนสำคัญนี้ เหมือนที่ฉันเข้าใจ
  • 6:53 - 6:55
    นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการอ่าน
    "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ในภาษาอาร์เมเนีย
  • 6:55 - 6:59
    และการอ่าน "ผู้บริสุทธิ์"
  • 6:59 - 7:02
    "Убить пересмешника" ในภาษารัสเซีย
    ถึงแตกต่างกัน
  • 7:02 - 7:06
    เพราะแม้ว่าจะมีความแตกต่าง
    ในเรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์"
  • 7:06 - 7:08
    มันก็ไม่สำคัญมากนัก
  • 7:09 - 7:12
    แต่ฮาร์เปอร์ ลี ตัดสินใจ
    ที่จะใช้ลักษณะเฉพาะ
  • 7:12 - 7:18
    ของภาษาอังกฤษ
    ในการถ่ายทอดเนื้อหาสำคัญ
  • 7:19 - 7:21
    ดังนั้น เมื่อคุณอ่านมันในภาษารัสเซีย
  • 7:21 - 7:24
    คุณก็จะไม่เข้าใจเนื้อหาสำคัญ
    ที่นักเขียนต้องการจะถ่ายทอด
  • 7:24 - 7:28
    อีกหนึ่งตัวอย่าง
    ก็คือหนังสือ "รูม" โดย เอ็มมา ดอนนาฮิว
  • 7:28 - 7:31
    แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่องหนังสือเล่มนี้
    ฉันอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับคุณ
  • 7:31 - 7:35
    ยกตัวอย่างเช่น ไม้บรรทัดนี้
    เป็นเพศหญิงในภาษารัสเซีย
  • 7:35 - 7:37
    เพราะว่า "линейка"
  • 7:37 - 7:43
    ถ้ามันจบประโยคด้วย "a" หรือ "я"
    มันก็จะเป็นเพศหญิง
  • 7:43 - 7:44
    ภาษารัสเซียเป็นแบบนี้
  • 7:44 - 7:47
    ภาษาสเปนก็เป็นเหมือนกัน
    ภาษาเยอรมันก็เป็นเหมือนกัน
  • 7:47 - 7:50
    ภาษาเหล่านี้มีสิ่งที่เรียกว่า
    "เพศทางไวยากรณ์"
  • 7:53 - 7:55
    ในหนังสือเรื่อง "รูม" โดย เอ็มมา ดอนนาฮิว
  • 7:55 - 7:59
    แม่และลูกชายติดอยู่ในห้องถึง 5 ปี
  • 7:59 - 8:02
    และลูกชายไม่เคยได้เห็นโลกภายนอกเลย
  • 8:02 - 8:06
    เพราะฉะนั้นมันก็สมเหตุสผลที่จะคิดว่า
    ลูกชายก็จะแปลก ๆ นิดหน่อย
  • 8:06 - 8:08
    ความแปลกนี้ถูกถ่ายทอดออกมายังไงน่ะหรือ
  • 8:09 - 8:10
    คือว่า
  • 8:10 - 8:14
    เขาคิดว่าสิ่งของทุกอย่างรอบ ๆ ตัวมีเพศ
  • 8:14 - 8:18
    ยกตัวอย่างเช่น พรม ก็จะไม่ถูกเรียกว่า "มัน"
  • 8:18 - 8:20
    แต่จะถูกเรียกว่า "เธอ"
  • 8:20 - 8:24
    เขามีความคิดคล้าย ๆ คนรัสเซีย
    แต่มันแปลก ๆ สำหรับคนอังกฤษ
  • 8:24 - 8:27
    เพราะเวลาที่คุณเรียก "พรม" ว่า
    "เธอ" ในภาษาอังกฤษ
  • 8:27 - 8:29
    "พรม" ก็จะมีตัวตน
  • 8:29 - 8:32
    เมื่อเขาพูดว่า
    "เราสร้างเขาวงกตมาตั้งแต่ฉันอายุ 2 ขวบ"
  • 8:32 - 8:35
    "เธอเป็นข้างในของกระดาษชำระ
    ที่ถูกติดเทปเข้าด้วยกันเป็นอุโมงค์"
  • 8:35 - 8:37
    "ที่ถูกบิดไปหลายรูปแบบ"
  • 8:37 - 8:39
    เขาวงกต เป็น "เธอ"
  • 8:39 - 8:42
    โอเค งั้นลองแปลมันเป็นภาษารัสเซีย
  • 8:42 - 8:47
    อย่างแรกเลย "лабиринт" จะเป็น "เขา"
    เพราะมันเป็นคำที่ลงท้ายด้วย "т"
  • 8:47 - 8:49
    แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สาระสำคัญ
  • 8:50 - 8:52
    คุณอาจจะพูดได้ว่ามันไม่สำคัญ
  • 8:52 - 8:56
    ถ้าคุณจะคิดว่าเขาวงกตเป็น "เธอ" หรือ "เขา"
  • 8:56 - 8:59
    สิ่งนั้นคือในภาษารัสเซีย
    มันปกติมาก ๆ
  • 8:59 - 9:03
    ที่จะพูดว่า "лабиринт" เป็น "เขา"
    เพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนพูด
  • 9:03 - 9:08
    ดังนั้น สิ่งที่ดูแปลก ๆ
    ในหนังสือของ เอ็มมา ดอนนาฮู ภาคภาษาอังกฤษ
  • 9:08 - 9:11
    จะถูกมองเป็นสิ่งปกติมาก ๆ ในภาษารัสเซีย
  • 9:12 - 9:14
    นั่นคือเหตุผลว่าทำไม
    ฉันถึงอยากจะเชื่อมโยงมัน
  • 9:14 - 9:16
    เขากับสิ่งที่ โรมัน ยาค็อบสัน เคยกล่าวไว้
  • 9:16 - 9:19
    "โดยพื้นฐานแล้ว ภาษาทั้งหลาย
    ล้วนแตกต่างกันในสิ่งที่ต้องถ่ายทอด"
  • 9:19 - 9:21
    "ไม่ใช่ในสิ่งที่น่าจะถ่ายทอด"
  • 9:22 - 9:25
    ดังนั้น ในภาษารัสเซีย
    ฉันต้องถ่ายทอดเพศของบุคคล
  • 9:25 - 9:29
    ในภาษาอาร์เมเนีย
    ฉันต้องถ่ายทอดว่าลุงมาจากฝั่งไหน
  • 9:29 - 9:31
    ฉันไม่สามารถปกปิดมันได้
  • 9:32 - 9:36
    ตอนนี้ฉันมีคำถามสำหรับคุณ
  • 9:36 - 9:38
    มันคือหนังสือเล่มเดียวกันจริง ๆ หรือ
  • 9:38 - 9:40
    ขอบคุณค่ะ
  • 9:40 - 9:42
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ทำไมบางครั้งการแปลวรรณกรรมจึงเป็นไปไม่ได้ | มาเรียม มันซูเรียม | TEDxYouth@ISPrague
Description:

หนึ่งในแง่มุมที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 คือโอกาสที่จะได้สัมผัสกับวรรณกรรมจากทั่วโลก อย่าไรก็ดี ถ้าไม่นับภาษาที่เราใช้คล่องอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เราก็จะต้องพึ่งฉบับแปล กลวิธีและอิทธิพลทางวรรณศิลป์จะสามารถถูกแปลจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งได้ง่ายเพียงใด มีบางแง่มุมของวรรณกรรมที่ไม่สามารถแปลได้เลยหรือไม่ มาเรียม มันซูเรียน ใช้ตัวอย่างจากภาษาอาร์เมเนีย ภาษารัสเซีย และภาษาอังกฤษ ในการให้เหตุผลว่าบางครั้งความคิดอาจ "สูญหายไปในการแปล" ได้ ทอล์คนี้เริ่มขึ้นในโครงการภาษาศาสตร์ประยุกต์ ในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิของปี 2015 เมื่อมาเรียมนำเสนอผลการวิจัยของเธอต่อคณะนักวิชาการที่มหาวิทยาลัยชาร์ลส์ ในกรุงปราก

มาเรียม มันซูเรียน ย้ายจากอาร์เมเนียบ้านเกิดของเธอและเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมนานาชาติปราก ในปี 2015 เธอพูดภาษาอาร์เมเนียและภาษารัสเซียได้คล่องอยู่แล้ว เธอจึงพัฒนาทักษะในภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว ความอยากรู้อยากเห็นของเธอเกี่ยวกับการแปลเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มอ่านและเปรียบเทียบนิยายในหลายภาษา

การบรรยายนี้จัดขึ้นในงาน TEDx โดยใช้รูปแบบการประชุมแบบ TED แต่จัดขึ้นอย่างอิสระโดยชุมชนท้องถิ่น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ http://ted.com/tedx

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDxTalks
Duration:
09:43

Thai subtitles

Revisions